ตลาด AI ในอุตสาหกรรมยานยนต์จะโต 1200% ในอีก 6 ปีข้างหน้า

แนวโน้มการใช้งานยานยนต์อัตโนมัติที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้ ส่งผลให้ความต้องการใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เพิ่มมากขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์

ตลาดปัญญาประดิษฐ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์จะเพิ่มขึ้นจาก 1 พันล้านดอลลาร์ในวันนี้เป็น 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2026 จากรายงานการคาดการณ์ของ Global Market Insights Inc. ปัจจัยของการเติบโตสำคัญๆ มาจากฟฟีเจอร์ด้านการให้ความช่วยเหลือและฟีเจอร์อัตโนมัติต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยปรับปรุงในเรื่องของความสะดวกสบายให้กับการขับขี่และในเรื่องของความปลอดภัย เช่นเดียวกับการตระหนักถึงเป้าหมายสำคัญของรถยนต์และรถบรรทุกที่ขับขี่ด้วยตนเอง รวมถึงฟีเจอร์ที่มาจากเทคโนโลยี AI ซึ่งกำลังได้รับการพัฒนา ทดสอบและนำเสนอบนยานพาหนะสำหรับผู้บริโภค เหล่านี้รวมถึงบริการความช่วยเหลือในช่องทาง การควบคุมความเร็วของยานพาหนะและที่จอดรถอัตโนมัติ

ตัวอย่างเช่น โตโยต้าประกาศเปิดตัว บริการความช่วยเหลือผู้ขับขี่สำหรับยานยนต์ในอนาคตที่กำลังจะไปถึงระดับ 4 ของการขับขี่ด้วยตัวเอง (level 4 of self-driving) ในอีกไม่นานนี้ และหนึ่งในฟีเจอร์ดังกล่าวก็คือ automatic valet parking ได้รับการพัฒนาร่วมกันโดยโตโยต้าและพานาโซนิค เป็นบริการให้ความช่วยเหลือที่จอดรถในราคาไม่แพงให้กับลูกค้าโตโยต้า

ปัจจุบันมีหลายบริษัทชั้นนำที่กำลังพัฒนา AI สำหรับยานยนต์ รวมถึง Audi AG, Daimler AG, Ford Motor Co. , Harman International Industries, IBM, Microsoft, Alphabet Inc., BMW, Didi Chuxing, General Motors, Honda Motor Co. , Tesla, Uber Technologies และ Volvo Car Corp.

บริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่ต่างมุ่งเน้นการพัฒนาไปที่สัญญาระยะยาวและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนา AI สำหรับตลาดยานยนต์ ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี เช่น AMD, Intel และ NVIDIA กำลังอัพเกรดและเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมถึงฮาร์ดแวร์ด้านการประหยัดพลังงานที่จะช่วยเสริมการทำงานในรถยนต์และใช้พลังงานให้น้อยที่สุด

ด้วยหวังว่า AI จะสามารถสนับสนุนสถานการณ์ที่ต้องใช้ความคิดหรือการตัดสินใจด้วยความช่วยเหลือของเซ็นเซอร์รุ่นใหม่ ๆและคอมพิวเตอร์ออนบอร์ดในการตรวจจับและจำแนกพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น การจราจร โครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับถนนหนทางและคนเดินเท้า เป็นที่คาดการณ์กันว่ากลุ่มของปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า “context awareness” หรือ การรับรู้บริบทหรือการตระหนักรู้ได้ด้วยตัวเองจะเติบโต 35% ต่อปีระหว่างปี 2019 ถึงปี 2026 จากดีมานด์ที่เพิ่มสูงขึ้นในฟีเจอร์ด้านการควบคุมความเร็วแบบกึ่งอัตโนมัติ (semi-automated cruise control) และฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่อื่นๆ อีกมากมาย

เพื่อสนับสนุนการรับรู้บริบท หรือ context awareness บรรดาบริษัทคอมพิวเตอร์กำลังลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมทุกประเภท ตัวอย่างเช่น Intel ลงทุน 250 ล้านดอลลาร์ในเทคโนโลยีสำคัญ เช่น deep learning, ความปลอดภัย, การเชื่อมต่อและเทคโนโลยี deep learning ที่มีแนวโน้มจะถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางหาก AI ประสบผลสำเร็จ

road to AI car

อีกขอบเขตหนึ่งของการพัฒนาสำหรับ AI ก็คือระบบบการจดจำภาพและสัญญาณ (image/signal recognition) ที่จะทำให้ยานยนต์ “จดจำและเข้าใจ” สัญญาณจราจรและตัวชี้วัดในการจำกัดความเร็วต่างๆ เพื่อให้รถสามารถลดความเร็วลงได้โดยไม่ต้องมีมนุษย์เข้าไปแทรกแซง รัฐบาลหลายประเทศกำลังริเริ่มด้วยการสนับสนุนระบบการจดจำเครื่องหมายจราจรซึ่งจะช่วยให้ดีมานด์สำหรับ AI ในตลาดยานยนต์เพิ่มสูงขึ้นอีกทางหนึ่ง

ตัวอย่างเช่น เมื่อปีที่แล้วคณะกรรมาธิการยุโรปมีบัญญัติออกมาว่า ยานพาหนะทุกคันที่ผลิตหลังปี 2021 ต้องมีระบบ built-in image หรือ signal recognition ซึ่งก็คือ ระบบการจดจำภาพหรือสัญญาณในตัวยานยนต์ เป้าหมายคือเพื่อลดความเร็วและพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ดี ซึ่งเป็นการส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนน

ระบบการรับรู้หรือจดจำภาพและสัญญาณคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 65% ของส่วนแบ่ง AI ในตลาดยานยนต์เมื่อปีที่ผ่านมาจากการยอมรับอย่างกว้างขวางของแนวคิดในเรื่องการควบคุมความเร็วเพื่อลดอุบัติเหตุ

ยุโรปมีผู้นำตลาดยานยนต์สำคัญๆ หลายจ้าว เช่น Audi, Daimler, Bentley, BMW และ Mercedes ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทหลักในเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอัตโนมัติ หรือ autonomous mobility ผู้ผลิตยานยนต์ต่างมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี AI เป็นหลักเพื่อให้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองเป็นที่ยอมรับและจำหน่ายกันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะบริษัทในสหราชอาณาจักรและเยอรมนีซึ่งได้รับการสนับสนุนให้ใช้ AI

สรุปก็คือ ความคิดริเริ่มของรัฐบาลที่เอื้อให้เกิดการส่งเสริมใช้งาน AI เพื่อทำให้เกิดระบบควบคุมการจราจรอย่างชาญฉลาด (smart traffic control) ได้ผลักดันให้เกิดการพัฒนา AI สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ตัวอย่างเช่น รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ลงทุนมากกว่า 75 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อปรับปรุงความคล่องตัว (mobility) และพัฒนาโซลูชัน AI ในปี 2017

โดยรวมแล้วยุโรปมีสัดส่วนมากกว่า 35% ของจำนวนเงินที่ใช้จ่ายไปกับ AI สำหรับยานยนต์และรถบรรทุก ซึ่งก็มาจากดีมานด์ในยานยนต์อัตโนมัติที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

 

อ้างอิง: www.machinedesign.com

 

About The Author