อุตสาหกรรมเครื่องมือและแม่พิมพ์ยุโรป

อุตสาหกรรมเครื่องมือ-แม่พิมพ์ยุโรป ยังแข่งได้อยู่?

เนื่องในวันนวัตกรรมเทคโนโลยีเสมือนจริง – Virtual Innovation Day  ในวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา Molding Expo ได้เปิดตัวมาตรการ หรือแนวทางอันเป็นเป้าหมายแรกสำหรับงานแสดงสินค้าที่จะจัดขึ้นจริงในครั้งต่อไป สำหรับการผลิตเครื่องมือ แพทเทิร์น และแม่พิมพ์ในปี 2023 ในช่วงแรกของกิจกรรมออนไลน์นาน 4 ชั่วโมง บรรดาผู้นำในอุตสาหกรรมได้พูดคุยกันถึงสถานะ ความท้าทายและอนาคตของการผลิตสร้างเครื่องมือ แพทเทิร์น และแม่พิมพ์ของยุโรป โดย ETMM ได้สรุปประเด็นที่สำคัญที่สุดของการพูดคุยมาให้เราได้อ่านกัน

During the Virtual Innovation Day, an expert panel discussed the current and future challanges faced by the European tool, pattern and mouldmaking industry.(Source: Moulding Expo)

ในโอกาสวันนวัตกรรมเสมือนจริงที่จัดขึ้นโดย Molding Expo คณะทำงานที่มีชื่อเสียงร่วมกับมีผู้เข้าร่วมปฏิบัติการระดับนานาชาติต่างก็ได้จับตาการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการผลิตสร้างแม่พิมพ์ของยุโรปจากมุมมองที่หลากหลาย โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับความท้าทายในปัจจุบันและได้ให้มุมมองในหัวข้อสำคัญต่างๆ ทั้งเรื่องของตลาดและความต้องการของลูกค้าว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต? โมเดลของธุรกิจในอนาคตจะเป็นไปในทิศทางใด และมีโอกาสใดบ้างที่อุตสาหกรรมการผลิตสร้างเครื่องมือ กระสวนและแม่พิมพ์จะได้รับจากเทคโนโลยีดิจิทัล-Digitalisation และเทรนด์ในเรื่องความยั่งยืน – sustainability เราไปหาคำตอบกันค่ะ

โดย Ralf Dürrwachter เริ่มต้นด้วยการโฟกัสไปที่ประเด็นความท้าทายที่สำคัญที่สุด 3 ประการที่อุตสาหกรรมเครื่องมือและแม่พิมพ์ของยุโรปกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ ได้แก่ ตลาด – markets ความต้องการของลูกค้า – customer requirements และรูปแบบของธุรกิจ – business models

Jens Lüdtke (Marktspiegel Werkzeugbau / Tebis Consulting) เริ่มต้นด้วยการชี้ให้เห็นว่า คำว่า “ตลาด” โดยทั่วไปนั้น ผู้ที่มีส่วนในตลาดจะมองว่าคือ สมรภูมิสงครามราคาที่ไม่มีใครยอมใคร เขากล่าวว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมาสงครามราคายิ่งรุนแรงมากขึ้น บริษัทต่างๆ รับมือกับด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพผ่านกระบวนการที่มีประสิทธิผล ลดรอบเวลาในการผลิตและผสานรวมเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้  “แต่นี่ก็หมายความว่า บางบริษัทยอมเข้าร่วมในสงครามราคาอย่างไม่มีเงื่อนไข” คำถามในเวลานี้ก็คือ “ในระยะยาวเราจะมีชัยเหนือสงครามราคาได้ไหม?” หากคุณไม่สามารถตอบได้อย่างเต็มปากว่า “ใช่” คุณต้องถามตัวเองว่า มีความเป็นไปได้อื่น ๆ หรือไม่ อย่างไร?  หรือว่า มีโมเดลธุรกิจทางเลือกอื่น ๆ หรือไม่? มีโอกาสสำหรับความร่วมมือใหม่ ๆ ไหม?  รวมถึงมีความเป็นไปได้ในแง่ของโครงสร้างการขายและความภักดีของลูกค้าหรือไม่? สำหรับเขา ชัดเจนว่าไม่ควรละเลยเรื่องประสิทธิภาพ แต่ในที่สุดแล้ว เมื่อถึงจุดหนึ่ง เมื่อกระบวนการและประสิทธิภาพดีขึ้นเพียงเท่านั้นก็อาจไม่เพียงพออีกต่อไป “ผมคิดว่านี่เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมของเรา” Lüdtke ย้ำ

ทูลส์ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งชั่วร้ายที่จำเป็นเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จด้วย – Daniel Hummel

ศาตราจารย์ ดร.Wolfgang Boos (WBA Aachener Werkzeugbau Akademie) ยืนยันว่า การปรับปรุงประสิทธิภาพ (การผลิต) อย่างกว้างขวางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ปัญหาเรื่องความอ่อนไหวด้านราคาจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นปัญหาเกิดขึ้นแบบโฮมเมดหรือ? Boos เห็นว่า ผู้ผลิตเครื่องมือเป็นส่วนหนึ่งของปัญหานี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีบริษัทอื่น ๆ ที่ยอมรับราคาที่ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งบางครั้งก็ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตเสียอีก

Bernd Ströhlein (Fischer Werkzeug- und Formenbau) ยืนยันว่า อุตสาหกรรมนี้กำลังดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดในหลาย ๆ ด้าน นอกจากวิกฤตไวรัสโคโรนาแล้ว ยังรวมถึงแรงกดดันจากการแข่งขันดังกล่าวด้วย แต่สถานการณ์นี้ก็ดำเนินอยู่หลายปีแล้ว ผู้ผลิตสร้างเครื่องมือจำนวนมากได้ปรับเปลี่ยนไปใช้การผลิตแบบอุตสาหกรรม (Industrial production)  แต่แรงกดดันด้านต้นทุนก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “อย่างไรก็ตาม สำหรับพวกเรา การระบาดของไวรัส เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด เนื่องจากแพลตฟอร์มสำหรับการสร้างเครือข่าย เช่น งานแสดงสินค้า ผู้เชี่ยวชาญ การเยี่ยมชมของลูกค้า ได้หายไป” เขาบอกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและซัพพลายเออร์ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการผลิตสร้างเครื่องมือได้รับความเดือดร้อนหนัก เขายังนึกถึงการติดต่อกันแบบส่วนตัวที่ทำให้ได้ลูกค้าใหม่ ๆ ซึ่งก็ได้หายไปด้วย



สถานการณ์ในการผลิตเครื่องมือของยุโรปเป็นอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับทั่วโลก?

Daniel Hummel จาก Robert Bosch บอกว่า เขามองเห็นแสงสว่างมากกว่าเงา เมื่อมองสถานการณ์ปัจจุบัน แน่นอนว่า สงครามราคายังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และวิกฤตไวรัสโคโรนาก็ทำให้อุตสาหกรรมต้องคิดใหม่ “ในปี 2019 ผมเชื่อว่า สถานการณ์ยิ่งมืดมนเมื่อวิกฤตรุนแรงขึ้น” แต่แสงสว่างที่ว่านี้ ก็มาจากการบริโภคที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น และทูลส์ใหม่ ๆ ก็มีความจำเป็นสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เสมอ — ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์และยานยนต์ไปจนถึงตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค เขากล่าวเสริม

ด้าน Beatrice Just จาก Millutensil บอกว่า อุตสาหกรรมเครื่องมือและแม่พิมพ์ของยุโรปยังคงยืนหยัดในด้านนวัตกรรมและคุณภาพ และนั่นนับเป็นข่าวดี แต่เมื่อเปรียบเทียบกับทั่วโลกแล้ว คุณภาพก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เหตุผลนี้ก็ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับอุตสาหกรรมมากนัก ยกตัวอย่างเช่น เธอบอกว่า บริษัทในยุโรปได้ส่งออกความรู้ความชำนาญไปยังตะวันออกไกลด้วยการไปตั้งบริษัทสาขาในภูมิภาคเหล่านั้น

กรรมการผู้จัดการของบริษัทครอบครัวจากอิตาลีวิพากษ์วิจารณ์การแข่งขันระหว่างชาวยุโรปด้วยกันที่เพิ่มขึ้นหลังจากวิกฤตโควิด เธอกล่าวว่า การแข่งขันกับเอเชียยังไม่ชัดเจนเท่าการแข่งขันระหว่างชาวยุโรปด้วยกันเอง ในอีกแง่หนึ่ง ก็เป็นเพราะว่า บริษัทต่าง ๆ หันมาหาซัพพลายเออร์ที่อยู่ใกล้กันมากขึ้นตามสภาพภูมิศาสตร์ และทำให้แรงกดดันในการแข่งขันระหว่างบริษัทจากเยอรมนี โปรตุเกส และอิตาลีแข็งยิ่งร้อนแรงขึ้น แต่เธอต้องการเห็นความตั้งใจที่จะร่วมมือกันมากขึ้นมากกว่า

“การผลิตสร้างเครื่องมือ (Toolmaking) เป็นอุตสาหกรรมอันเป็นหัวใจของความสามารถในการผลิตเพราะเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตรูปแบบต่าง ๆ กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับคำแนะนำ การวิจัย และการฝึกอบรมเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์” – Wolfgang Boos

การผลิตสร้างเครื่องมือของยุโรปจะสามารถแข่งขันได้อย่างไร?

จากข้อมูลของ Hummel บอกว่า จำเป็นมากที่ทั้งผู้ผลิตเครื่องมือ ซัพพลายเออร์ และลูกค้าต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจว่า อุตสาหกรรมจะสามารถแข่งขันได้ในอนาคต ด้วยวิธีนี้จะทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือและต้นทุนสามารถพัฒนาไปได้ในระยะแรก “ในฐานะผู้ผลิตเครื่องมือ คุณต้องสามารถอธิบายที่มาของราคาได้อย่างโปร่งใส หากเราสามารถสื่อสารได้ว่า เครื่องมือมีความสำคัญเพียงใด ในมุมที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน  เราก็จะประสบความสำเร็จได้” แต่อุตสาหกรรมเองก็ต้องสามารถตอบโต้ได้ว่า เพราะเหตุใดแนวทางที่ยั่งยืนจึงมีความสำคัญ เขาบอกว่า “เราต้องร่วมมือกันและออกมาจากไซโลกันเสียที ซึ่งนั่นคือหน้าที่ของสมาคมและงานแสดงสินค้า เพราะการร่วมทุนสามารถเสริมสร้างความร่วมมือได้” Hummel กล่าว

สำหรับชไนเดอร์ กลยุทธ์ที่จะพิสูจน์อนาคตนั้น ก่อนอื่นจำเป็นต้องครอบครองช่องที่เหมาะสมในตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาวเสียก่อน และจะต้องไม่ถูกคู่แข่งพิชิตอย่างรวดเร็ว สำหรับเขา ช่องที่ว่านี้ไม่เพียงหมายถึงตัวผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องมือ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริการที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ด้วย โครงสร้างนี้ต้องค่อย ๆ ก่อร่างสร้างขึ้นและไม่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน จากข้อมูลของชไนเดอร์ การดำเนินการที่ว่านี้จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองถึงสี่ปี จนกว่าจะสร้างรายได้อย่างมั่นคงได้ “นอกจากนี้ เราต้องรับฟังเสียงของลูกค้าและเสนอบริการที่สามารถแข่งขันได้เพราะที่สุดแล้ว พวกเขาต่างก็ประสบกับปัญหาแรงงานที่มีทักษะลดน้อยถอยลงเช่นกัน ที่จะสามารถประสานงานบริการในส่วนนี้ได้ ซึ่งแปลว่าเราต้องรับผิดชอบมากขึ้นที่นี่” เขากล่าวเสริม อีกประเด็นหนึ่งก็คือ ภูมิทัศน์ทางธุรกิจกำลังเปลี่ยนแปลงไป จากการรุกเริ่มของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า – electromobility เราจะเห็นระยะเวลาของการพัฒนาที่หดสั้นลง บรรดาธุรกิจสตาร์ทอัพยังมีลูกค้ารายใหม่ ๆ ที่ต้องโน้มน้าวใจ โซเชียลมีเดียจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ อย่างน้อยก็มีความสำคัญมากกว่าการเพิ่มสำนักงานขาย

เกิดความขมขื่นขึ้นเล็กน้อยในช่วงท้ายของรายการจากคำกล่าวของ Wolfgang Boos “เมื่อดูจากฐานข้อมูลของเรา เราได้ข้อสรุปว่าระหว่าง 20 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ผลิตเครื่องมือในยุโรปจะไม่สามารถรอดพ้นจากช่วงเวลาทางการเงินอันยากลำบากนี้อย่างแน่นอน” เขาบอกว่า วิกฤตในภาคการผลิตเครื่องมือและยานยนต์ทำให้เกิดการรวมตัวที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ เขายังเน้นว่า ต้องมีความตั้งใจ-เต็มใจอย่างยิ่งยวดที่จะร่วมมือกันมากขึ้น และขยายเครือข่ายออกไปเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้

อ้างอิง: https://www.etmm-online.com/expert-talk-how-can-the-european-tool-and-mould-making-industry-remain-competitive-a-1030753/

บทความที่เกี่ยวข้อง:

About The Author