Additive Manufacturing

Additive manufacturing กับหนทางในวันข้างหน้า

ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และอวกาศกำลังใช้เทคโนโลยีการขึ้นรูปชิ้นงานด้วยการเติมเนื้อวัสดุ (Additive manufacturing technology) หรือ AM เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดเวลาในการผลิต Formnext งานแสดงนวัตกรรมเกี่ยวกับ Additive Manufacturing เตรียมนำเสนอนวัตกรรมล่าสุดในพื้นที่นี้

 รายงานจาก Research and Markets ระบุว่า ตลาดวัสดุและ Additive manufacturing ทั่วโลกมีมูลค่า 8.42 พันล้านดอลลาร์ในปีพ.ศ.2560 และคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 35.10 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2566 ด้วยอัตรา CAGR 26.86% ทั้งนี้ สองตลาดหลักๆ สำหรับนวัตกรรมร่วมสมัยนี้คือ อุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมอวกาศ เนื่องจากมีความต้องการเพิ่มขึ้นในการพัฒนาส่วนประกอบที่มีน้ำหนักเบา นอกจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวยังกลายเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาต้นแบบต่างๆ เนื่องจากความคุ้มค่าด้านต้นทุนและประหยัดเวลาในการผลิตด้วย บางบริษัทยานยนต์ชั้นนำเช่น ฟอร์ด โฟล์คสวาเก้น โตโยต้าและอื่น ๆ อีกมากมายต่างก็ได้ทดลองใช้เทคโนโลยีนี้กันแล้วทั้งสิ้น

การพิมพ์สามมิติในภาคอวกาศและยานยนต์

ตัวอย่างเช่น โฟล์คสวาเกนอ้างว่า พร้อมแล้วสำหรับการผลิตชิ้นส่วนแบบ mass production โดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบสามมิติหรือเทคโนโลยีการขึ้นรูปชิ้นงานด้วยการเติมเนื้อวัสดุ: Additive manufacturing technology หรือ AM Technology ด้วยความช่วยเหลือของกระบวนการ ‘HP Metal Jet’ บริษัทยานยนต์สัญชาติเยอรมันจึงสามารถปรับปรุงความสามารถในการผลิตได้ถึง 50 เท่าเมื่อเทียบกับวิธีการพิมพ์แบบสามมิติอื่น ๆ รถโฟล์คสวาเก้นต้องการชิ้นส่วนที่แตกต่างกันประมาณ 6,000 – 8,000 ชิ้นและด้วยการใช้เทคนิคนี้ บริษัทสามารถผลิตชิ้นส่วนได้เป็นจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น ในขณะที่ฟอร์ดกำลังใช้เครื่องพิมพ์ Stratasys Infinity Build 3D Printer เพื่อผลิตต้นแบบชิ้นส่วนยานยนต์ขนาดใหญ่แบบชิ้นเดียวเช่น สปอยเลอร์

ในภาคอวกาศ Additive manufacturing ได้ช่วยให้ผู้มีบทบาทในอุตสาหกรรมสามารถพัฒนาส่วนประกอบที่ซับซ้อนและประณีตละเอียดอ่อนขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีการแบบเดิม ทุกวันนี้อุตสาหกรรมนี้สามารถพิมพ์ชิ้นส่วนที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการใช้งานในจำนวนมากโดยไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายหรือต้นทุน เนื่องจากส่วนประกอบที่ผลิตได้มีน้ำหนักเบาโดยธรรมชาติซึ่งจะนำไปสู่การประหยัดเชื้อเพลิงซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับภาคอุตสาหกรรมนี้

จากความเปลี่ยนแปลงแบบ Dynamics และความต้องการของอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา Additive Manufacturing Technologies จำเป็นต้องพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องต่อไปในเรื่องของนวัตกรรมล่าสุด ทั้งนี้ ภายในงาน Formnext จะทำให้เราเห็นนวัตกรรมดังกล่าวได้ชัดเจนขึ้น เพราะมันคืองานนิทรรศการและการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตใน generation ต่อไป โดยโฟกัสไปที่ Additive Manufacturing sector โดยเฉพาะ ทั้งยังเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับบริษัทการพิมพ์แบบสามมิติเพื่อแสดงนวัตกรรมใหม่และที่มีอยู่ต่ออุตสาหกรรมทั่วโลก

Formnext จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี คาดการณ์ว่า งานแสดงสินค้าดังกล่าวจะดึงดูด exhibitors จำนวน 550 รายเข้าร่วม โดยมี exhibitors รายใหม่ๆ 165 รายเข้าร่วมจัดแสดงงานด้วยจาก 26 ประเทศทั่วโลก

About The Author