ส่วนหนึ่งของ“ EU Green Deal” คือแผนการสำหรับยุคเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างแท้จริง Cecimo (European Association of the Machine Tool Industries) หรือ สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องมือกลแห่งยุโรป ประกาศว่ายินดีตอบรับแผนนี้เพราะสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน
คงจำกันได้ว่าในเดือนธันวาคม 2019 คณะกรรมาธิการยุโรปได้เปิดตัวแผนการอันทะเยอทะยานมากๆ ภายใต้ชื่อ “EU Green Deal” โดยมีจุดมุ่งหมายก็คือ – to be the world’s first climate neutral continent by 2050 – ขับเคลื่อนยุโรปสู่สังคมไร้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปี ค.ศ. 2050 อีกทั้งยุโรปจะต้องเป็นผู้นําในเวทีโลกในด้านอุตสาหกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีสะอาด
ข้อตกลงนี้จะเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดของคณะกรรมาธิการยุโรป โดยจะดำเนินควบคู่ไปกับนโยบายอุตสาหกรรมของสหภาพยุโรปและแผนปฏิบัติการเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยกลยุทธ์ทั้งสองประการนี้จะถูกนำมาใช้ร่วมกันภายในเดือนมีนาคม 2563 นี้
ทั้งนี้ Cecimo เองมุ่งมั่นที่จะพัฒนาภายใต้บริบทของความยั่งยืนและหมุนเวียนมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้น Cecimo ยินดีเปิดให้คำปรึกษาสำหรับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแผนงานปฏิบัติการเศรษฐกิจหมุนเวียนใหม่
“เรายินดีตอบรับต่อข้อเสนอแนะ ยืนยันในความสำคัญของการรีไซเคิลและการนำผลิตภัณฑ์กลับมาใช้ซ้ำในสหภาพยุโรป”
เนื้อหาสําคัญ 10 ประการของแผนนโยบาย Green Deal มีดังนี้:
1) การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ สหภาพยุโรปได้กําหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 ซึ่ง ระเบียบวาระดังกล่าวจะถูกบรรจุอยู่ในกฎหมายว่าด้วยสภาพภูมิอากาศซึ่งจะถูกนําเสนอในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2020
ระเบียบวาระดังกล่าว จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในแต่ละ ช่วงเวลาอีกด้วย โดยมีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากปัจจุบันอยู่ที่ ร้อยละ 40 เพิ่มเป็นร้อยละ 50-55 ภายในปี ค.ศ. 2030 (โดยใช้ฐานของปี ค.ศ. 1990 มาวัด) แต่ทว่ายัง จะต้องมีการวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ของเป้าหมายใหม่อีกที่หนึ่ง คณะกรรมาธิการยุโรปจะทําการพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ของสหภาพยุโรปให้สอดคล้องกับ เป้าหมายใหม่ โดยจะเริ่มที่ กฎระเบียบพลังงานทดแทน (Renewable Energy Directive, RED) กฎระเบียบ ประสิทธิภาพทางพลังงาน (Energy Efficiency Directive, EED) รวมไปถึง กฎระเบียบการซื้อขายสิทธิในการ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Emission Trading Scheme, ETS) กฎระเบียบว่าด้วยการกําหนดสัดส่วน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศสมาชิก (Effort Sharing Regulation, ESR) และกฎระเบียบการใช้ ที่ดิน การเปลี่ยนแปลงที่ดิน และป่าไม้ (tand use, land-use change and forestry, LULUCF) ซึ่งข้อเสนอ ในการแก้ไขกฎระเบียบแต่ละฉบับจะถูกนําเสนอในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 ในขณะที่แผนพลังงานอัจฉริยะที่จะรวมภาคส่วนพลังงานไฟฟ้า ก๊าซ และพลังงานความร้อนให้อยู่ในระบบ เดียวกัน จะถูกนําเสนอในปี ค.ศ. 2020 และจะมาพร้อมกับโครงการใหม่เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานลมนอกชายฝั่ง
2) แผนนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนฉบับใหม่ แผนนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนฉบับใหม่จะถูกนําเข้าที่ประชุมในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2020 โดยแผน นโยบายฉบับใหม่นี้จะครอบคลุมประเด็นผลิณภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน โดยจะอธิบายถึงวิธีการผลิตที่ลดการใช้ วัสดุและทรัพยากร และการออกแบบเพื่อส่งเสริมการนํากลับมาใช้ใหม่และรีไซเคิล เช่น กรณีของแบตเตอรี
นอกจากนี้ยังให้ความสําคัญต่ออุตสาหกรรมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง เช่น เหล็ก ซีเมนต์ และสิ่งทอ โดยจะเตรียมการให้มีการผลิตวัสดุเหล่านี้ด้วยพลังงานสะอาด อย่างเช่น ไฮโดรเจน ให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2030
- โครงการ Invest EU ซึ่งงบประมาณจะมาจากธนาคารเพื่อการลงทุนของยุโรป (The European Investment Bank, EIB)
- กองทุนธนาคารเพื่อการลงทุนของยุโรป
โดยทุก ๆ ยูโรที่ถูกใช้จ่ายจากกองทุน จะถูกสบทบด้วยเงิน 2 ถึง 3 ยูโร จากงบประมาณส่วนภูมิภาค
3) การปรับปรุงอาคารบ้านเรือน หนึ่งในโครงการสําคัญภายใต้แผนนโยบาย Green Deat นั่นคือการเพิ่มอัตราการปรับปรุงอาคาร โดยเพิ่มเป็น จํานวนอย่างน้อย 2 ถึง 3 เท่าจากปัจจุบันที่อยู่ที่ร้อยละ 1
4) สังคมไร้มลพิษ แผนนโยบาย Green Deal ต้องการสร้างสังคมที่ไร้มลพิษ ไม่ว่าจะเป็นอากาศ ดิน และน้ํา ต้องปลอดจากสาร มลพิษภายในปี ค.ศ. 2050 โดยแผนนโยบายใหม่นี้จะครอบคลุมถึงกลยุทธ์การจัดการสารเคมีเพื่อสร้างสังคมที่ ปราศจากสารพิษ
5) ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ แผนกลยุทธ์ใหม่ด้านความหลากหลายทางชีวภาพจะถูกนําเสนอในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2020 ก่อนที่จะมีการ จัดการประชุม UN biodiversity Summit ในเดือนตุลาคม ณ ประเทศจีน โดยภายใต้แผนกลยุทธ์ใหม่ สหภาพ ยุโรปต้องการเป็นผู้นําในการพัฒนามาตรการเพื่อจัดการกับปัญหาการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เช่นมาตราการจัดการมลพิษในดินและน้ํา และแผนกลยุทธ์ป่าไม้ฉบับใหม่ที่จะมุ่งเน้นการเพิ่มอัตราการปลูกป่า ทั้งในเขตเมืองและชนบท และกฎการใช้ฉลากเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่มีกระบวนการผลิต ปราศจากการตัดไม้ทําลายป่า
6) แผนกลยุทธ์จากฟาร์มถึงปลายร้อม แผนกลยุทธ์จากฟาร์มถึงปลายร้อมจะถูกเสนอแก่ที่ประชุมในปี ค.ศ. 2020 โดยมีจุดมุ่งหมายพัฒนาระบบ เกษตรกรรมสีเขียวเพื่อสุขภาพของผู้บริโภค ซึ่งจะมีการพิจารณาลดการใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยสารเคมี และยาต้าน จุลชีพ อย่างมีนัยสําคัญ
7) ภาคการขนส่ง ปัจจุบันเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคการขนส่งของสหภาพยุโรปอยู่ที่ 95gCO2/km ภายใน ค.ศ. 2021 แต่สหภาพยุโรปมีความมุ่งมั่นที่จะลดระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในภาคส่วนนี้ให้เป็นศูนย์ในช่วงปี ค.ศ. 2030 โดยจะมีการกระตุ้นและส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ผ่านเป้าหมายการติดตั้งสถานีจ่ายไฟจํานวน 1 ล้านสถานีทั่วยุโรปให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2025 นอกจากนี้จะ มุ่งเน้นการใช้พลังงานทางเลือกเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนในอุตสหกรรมการบิน การเดินเรือ และ การขนส่งโดย ยานยนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่สามารถขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าได้
8) การเงิน สหภาพยุโรปเตรียมใช้เครื่องมือทางการเงิน Just Transition Mechanism โดยจะระดมทุนจํานวน 100 ล้าน ล้านยูโร เพื่อช่วยประเทศ ภูมิภาค และภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงสุด ที่ยังต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็น แหล่งพลังงานหลัก โดยงบประมาณ 100 ล้านล้านยูโรนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนได้แก่ – กองทุน Just Transition เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรม โดยจะดึงงบประมาณด้าน นโยบายภูมิภาคของสหภาพยุโรปมาใช้
9) การวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ขอบข่ายโครงการความร่วมมือด้านการวิจัยและนวัตกรรมของสหภาพยุโรปฉบับที่ 9 หรือ Horizon Europe ซึ่งมีงบประมาณ 100 ล้านล้านยูโร ครอบคลุมช่วงปี ค.ศ. 2021-2027 จะส่งเสริมแผนนโยบาย (Green Deal เช่นกัน โดยร้อยละ 35 ของทุนวิจัยจะนําไปส่งเสริมการวิจัยด้านเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม
10) ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ สหภายุโรปมุ่งใช้มาตรการทางการทูต ในการสนับสนุนแผนนโยบาย Green Deal ซึ่งหนึ่งในมาตรการ คือ ข้อเสนอการจัดเก็บภาษีคาร์บอน ณ ชายแดน ในขณะที่สหภาพยุโรปเพิ่มมาตรการต่าง ๆ ในการรักษา สิ่งแวดล้อม สหภาพยุโรปจึงอยากเห็นประเทศอื่น ๆ ทั่งโลกแสดงเจตจํานงค์ที่สอดคล้องกัน และสหภาพยุโรป จะป้องกันเศรษฐกิจในภูมิภาคจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
ที่มา:
https://ec.europa.eu/info/sites/info/files/european-green-deal-communication_en.pdf
https://www.euractiv.com/section/transport/news/eu-green-deal-to-tune-up-car-co2-rules/
Cecimo’s full response to the plans can be read here.
About The Author
You may also like
-
DigiTech ASEAN Thailand & AI Connect 2024 พบกับโซลูชันเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์กว่า 350 แบรนด์
-
NECTEC-ACE 2024 : The next era of Thai intelligent sensors เปิดโลกเทคโนโลยียุคใหม่ด้วยเซนเซอร์ไทยอัจฉริยะ
-
แถลงจัดงาน THECA 2024 ผลักดันประเทศไทยสู่ฐานผลิต PCB ระดับโลก
-
อินฟอร์มาฯ – ก.พลังงาน ร่วมภาคีเครือข่ายด้านพลังงาน พร้อมจัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2024
-
อินเตอร์แมค – ซับคอนไทยแลนด์ 2024 เปิดแล้ว ใหญ่จริง จัดเต็ม เทคโนโลยี นวัตกรรม สัมมนาเปิดทางรอดอุตสาหกรรมไทย