VW

ID chassis: E-Mobility ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าของ VW (ตอนที่ 1)

ม่านเปิดตัวกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา เมื่อโฟล์คสวาเกน (VW) ได้นำเสนอโครงรถยนต์ (chassis) รุ่นใหม่ “ID” electric model เป็นครั้งแรกใน Dresden และให้ข้อมูลเชิงลึกอย่างละเอียดเกี่ยวกับยุทธศาสตร์แพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

VW
In mid-September, Volkswagen presented the chassis of its new ID electric model family for the first time in Dresden. It has been consistently designed with electric drives in mind right from the start.

modular electric drive matrix (MEB) ที่ใช้ ID chassis บนฐานของข้อเสนอการขายที่โดดเด่นของ VW ยังแสดงให้เห็นว่า ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีมีความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องบนเส้นทางสู่ electromobility หรือระบบการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เพราะ ID chassis ไม่ใช่แพลตฟอร์มที่ถูกติดตั้งเพิ่มเข้าไปสำหรับรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่ได้รับการออกแบบมาตั้งแต่เริ่มมีแนวคิดเรื่อง e-drive นอกจากนี้ แนวคิดในการออกแบบและยานพาหะนะยังมีความยืดหยุ่นมากกว่าก่อนหน้านี้ โดยมีตั้งแต่รถยนต์ขนาดกะทัดรัดไปจนถึงรถสปอร์ตเอนกประสงค์ (SUVs) และรถตู้

“ID เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาด้านเทคโนโลยี นับเป็นครั้งแรกที่มีการเชื่อมต่ออย่างเต็มรูปแบบ ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำงานได้เต็มรูปแบบซึ่งผู้คนนับล้านสามารถซื้อหาได้ “Christian Senger หัวหน้าของ Volkswagen Product Line e-Mobility กล่าวในการเริ่มต้นแคมเปญ “Electric for all” ในหัวข้อ: ไม่ใช่แค่สำหรับเศรษฐีแต่คือรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับคนนับล้าน

Lower manufacturing costs

รถยนต์สายพันธุ์ ID นั้นน่าประทับใจด้วย range ที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินในปัจจุบัน โดยรถยนต์รุ่นแรกจะเข้าสู่ตลาดในช่วงปลายปี 2019 / ต้นปี 2020 จะเป็น ID – สี่ประตู เชื่อมต่อเต็มรูปแบบกับรถยนต์ขนาดกะทัดรัด ต้นทุนการผลิตจะลดลงได้ถึง 35% เมื่อเทียบกับ E-Golf ในปัจจุบันและจะอยู่ใน range ของ Golf diesel ทั้งนี้ รถจะผลิตที่โรงงาน VW ใน Zwickau ซึ่งกลุ่มโฟล์คสวาเกนกำลังแปรสภาพให้เป็นโรงงาน MEB แห่งแรกด้วยมูลค่าการลงทุน 1.2 พันล้านยูโร รถสปอร์ตเอนกประสงค์ที่การปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ หรือ zero-emission sports utility vehicle ตามรูปแบบ I.D. Crozz จะเปิดตัวสู่ตลาดในปี 2020 ส่วนยานยนต์แนวคิด I.D. Buzz จะถากถางทางให้กับรถตู้ zero-emission ของ Volkswagen ซึ่งมีการออกแบบตาม DNA ของ Bulli ในตำนานและจะเปิดตัวในฐานะรุ่นการผลิตในปี 2022 I.D. Vizzion ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2022 จะเปิดหน้าต่างสู่อนาคตในส่วนของรถยนต์ซีดาน

เราจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่นิยมและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

Thomas Ulbrich สมาชิกในคณะกรรมการบริหารของ VW E-Mobility กล่าว “ด้วย modular e-drive construction kit เราจะใช้ประโยชน์จากความเป็นไปได้ของ e-car อย่างเต็มที่ ในเวลาเดียวกับการสร้าง huge-scale economies ในช่วงคลื่นลูกแรก ยานยนต์ประมาณ 10 ล้านคันในกลุ่มจะขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มนี้” Ulbrich เพิ่มเติม เขาเห็นว่า MEB เป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับทุกคน

VW
Source:Volkswagen
The ID chassis features the electric motor integrated into the rear axle, including the gearbox, and the space-saving battery installed in the car floor.

Range of up to 550km

ขนาดภายในและความเปลี่ยนแปลงของ ID จะเป็นเหมือนการเขียนคำจำกัดความของรถยนต์แต่ละรุ่นขึ้นใหม่ (rewrite class limitations) ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้รับความสะดวกสบายเทียบได้กับระดับชั้นของยานพาหนะที่สูงขึ้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จากระยะฐานล้อยาว (long wheelbase) และเป็นผลให้ส่วนที่ยื่นออกมาสั้น: ไม่มีเครื่องยนต์สันดาป (no combustion engine) จึงไม่มีการใช้พื้นที่ ดังนั้นเพลาหมุนจึงสามารถย้ายออกไปอยู่ด้านนอกได้ ID chassis เผยให้เห็นว่ามี e-motor ติดตั้งลงในเพลาล้อหลังและแบตเตอรี่ที่ถูกวางอยู่บนพื้นรถ VW ระบุว่า สิ่งนี้จะช่วยในการกระจายน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับการขับเคลื่อนในระดับสูงสุด ในขณะที่จัดให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารอยู่ในตำแหน่งที่นั่งสูง กำลังส่งจากเครื่องยนต์ไปยังเพลาล้อหลังผ่าน single-gear transmission ภายใต้มาตรฐาน WLTP ช่วงสเปกตรัมที่สามารถปรับได้ หรือ scalable range spectrum สำหรับ ID ทุกรุ่นจะมีระยะทางตั้งแต่ 330 กม. ถึงมากกว่า 550 กม.ด้วยความจุของแบตเตอรี่ระหว่าง 50 ถึง 90 กิโลวัตต์

Own operating system

ด้วย MEB ตัวช่วยใหม่ ความสะดวกสบาย ระบบสาระบันเทิง (infotainment) ระบบปฏิบัติการและระบบการแสดงผลจะถูกรวมเข้าด้วยกันในยานพาหนะทุกรุ่น รวมถึง head-up display ที่แสดงผลได้สมจริงยิ่งขึ้น เช่น visual cues จากระบบนำทางไปสู่พื้นที่เสมือนจริงด้านหน้าของรถ เทคโนโลยีนี้ไม่สามารถรวมเข้าด้วยกันได้หากไม่มีแพลตฟอร์มใหม่

เพื่อที่จะควบคุมการทำงานที่หลากหลายบนบอร์ด ID models ต่างๆ VW ได้พัฒนาสถาปัตยกรรมอิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่แบบ end-to-end ที่สมบูรณ์แบบ เรียกว่า “E3” รวมทั้งระบบปฏิบัติการใหม่ “vw.OS” (OS = operating system) สถาปัตยกรรมใหม่ “E3” รวมหน่วยควบคุมต่างๆ ที่รู้จักกันในปัจจุบันเพื่อสร้างการประมวลผลแบบรวมศูนย์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถอัปเดตและอัพเกรดระบบผ่านทางระบบคลาวด์ได้ตลอดวงจรอายุการใช้งานของรถยนต์

 

อ่านต่อตอนที่ 2

About The Author