It all started with noodles: ทุกสิ่งอย่างเริ่มต้นจากเส้นบะหมี่

Eichii Okuma ก่อตั้งบริษัทของเขาในปี 1898 ที่เมืองนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น แตกต่างจากรายอื่นๆ ในสายนี้ เวลานั้น Okuma ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมการบินหรืออุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ผลิตภัณฑ์แรกของ Okuma คือเครื่องจักรสำหรับทำเส้นอุด้ง!

ความจริงก็คือ มันเริ่มต้นจากความไม่พอใจ Eichii Okuma ไม่พอใจคุณภาพของเครื่องมือต่างๆ ที่มีอยู่ในตลาด แต่แทนที่จะทำให้ความทะยานอยากของเขาลดลง เขากลับหันมาพัฒนาเครื่องมือของตัวเอง หลายปีผ่านไปปรัชญาข้อนี้ก็ยังนำ Okuma ไปสู่หลักชัยสำคัญมากมายในสายงานวิศวกรรมเครื่องกล

ในปีแรก Eichii Okuma สร้างและขายเครื่องจักรได้ 20 เครื่อง ในช่วงแรกของการประสบความสำเร็จ ในปี 1904 เขาได้มุ่งความทะเยอทะยานไปที่การผลิต machines tools ต่อมาในช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปี 1914 Okuma ได้ยื่นขอสิทธิบัตรครั้งแรกสำหรับเครื่องกลึงโลหะ ที่เรียกว่า Okuma Automatic Gear Cutting Lathe ผลจากการกำหนดทิศทางในการผลิตใหม่นี้ บริษัท ฯ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Okuma Machinery Works ในปี 1918 ในปีเดียวกัน Okuma เริ่มขายเครื่องกลึง OS Center ซึ่งกลายเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยเครื่องจักรกว่า 2,000 ชิ้นที่จัดส่งใน 25 ปี machine tool กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท ในเวลานั้น ชื่อเสียงของเครื่องจักรคุณภาพสูงจาก Okuma ได้รับความนิยมในวงการสูงสุด ส่งผลให้ Okuma ได้รับสัญญาสั่งซื้อจากรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก บริษัทปรับเปลี่ยนตัวเองด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ตลอดระยะเวลาหลายปีและสามารถรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) และแผ่นดินไหวครั้งประวัติศาสตร์ในภาคคันโต (the Great Kanto Earthquake) ในปี 1923

และในฐานะส่วนหนึ่งของแผนการระดับเมกะโปรเจ็กของรัฐบาลญี่ปุ่นในการตั้งนาโกย่าเป็นศูนย์กลางระดับนานาชาติสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับเดียวกับดีทรอยต์ ในปี 1930 Okuma ได้รับมอบหมายจากนายกเทศมนตรีให้สร้างเครื่องยนต์ขนาด 8 สูบสำหรับรถยนต์คันแรกที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นในชื่อ the “Atsuta-Go”

ปี1937 Okuma กลายเป็นผู้นำตลาด machine tools ในญี่ปุ่น

หลังการประทุขององสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลญี่ปุ่นมีข้อจำกัดในการผลิตเครื่องกลึง (lathes) เครื่องเจียร (grinding machines) และเครื่องกัดเซาะ (milling machines) แม้จะเกิดภาวะชะงักงันชั่วคราว ในปี 1958 Okuma brand ก็ยังยืนหยัดผลิตทั้ง Turning และ industrial drilling machines บนพื้นฐานแห่งความหลากหลายนี้ ต่อมา Okuma ได้พัฒนา machining centers แบบอเนกประสงค์และ multitasking machines แบบต่างๆ เช่นเดียวกับอดีตที่ผ่านมา รวมทั้ง super multitasking machines สำหรับกระบวนการผลิตแบบ additive machining และ subtractive machining ในเครื่องเดียวกัน

milling centres
หนึ่งใน portal milling centers แห่งแรกของ Okuma เปิดตัวเมื่อปี 1966

ในปี 1963 Okuma ได้พัฒนาระบบควบคุมด้วยรหัส (ตัวเลข ตัวอักษรหรือสัญลักษณ์อื่นๆ) เป็นครั้งแรกในเครื่อง OSP III NC ทำให้ Okuma กลายเป็นผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในการเป็น “single-source” manufacturer สำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ควบคุม จากนั้นเป็นต้นมา ผลิตภัณฑ์ของ Okuma จำนวนมากก็มีทั้งแบบควบคุมด้วยตนเองและแบบ NC-controlled ด้วยการเปิดตัวเครื่อง NC control ตัวแรกในปี 1972 ไม่เกินเลยนักหากจะกล่าวว่า Okuma เป็นผู้เริ่มต้นยุคของการ machining ที่ต่างออกไปโดยแท้ ความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นการปูทางสู่โซลูชั่น high-tech แบบต่างๆ ที่ Okuma นำเสนอในวันนี้ ทั้งนี้ พวกเขามีพื้นฐานมาจากการทำความเข้าใจส่วนประกอบของเครื่องจักรที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างถ่องแท้ ตั้งแต่ตัวเครื่องไปจนถึงตัวควบคุม ไปจนถึงซอฟต์แวร์ ไม่นานหลังจากนั้น Okuma ได้พัฒนา OSP 300 กับไมโครโปรเซสเซอร์ ตัวควบคุมรุ่นใหม่นี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเครื่องกลึง CNC สำหรับ การ machining 4 แกนพร้อมกัน หรือ simultaneous 4-axis machining

ในยุค 1980s Okuma พัฒนา machine tools ต่อไปเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้สูงขึ้น ต่อมาในยุค 1990s portal milling centers เช่น MCR-BIII สำหรับ 5-sided machining ก็เริ่มเข้าสู่สายการผลิต

การเปลี่ยนผ่านสู่ศตวรรษที่ 21 ถือเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีการผลิต (manufacturing technology) แอ็พพลิเคชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในชุดเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Intelligent-Technology series) จะช่วยให้กำลังการผลิตและประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการสร้างปัจจัยแวดล้อมสำหรับการ machining ที่เหมาะสมกับแต่ application

Industry 4.0 solutions

จากการรวมเครื่องจักร ระบบควบคุมและซอฟต์แวร์เข้าด้วยกันประสบความสำเร็จอย่างงดงาม Okuma ได้วางรากฐานสำหรับโซลูชันอุตสาหกรรม 4.0 ที่ทันสมัย ในปี 2013 Okuma ได้ก่อตั้งโรงงานอัจฉริยะ Smart Factory Dream Site 1 (DS1) ในประเทศญี่ปุ่นเพื่อผลิต multitasking machines กับเครื่องกลึงโลหะขนาดกลางและขนาดใหญ่ ในปี 2014 ระบบควบคุมยังกลายเป็น “smart”: OSP Suite ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชันด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Intelligent Technology Apps) ในขณะเดียวกันก็มีบทบาทสำคัญในการจัดการ “Big Data” ใน Industrial Internet of Things (IIoT)

DS1
โรงงานอัจฉริยะ: Smart Factory Dream Site 1 เปิดดำเนินการครั้งแรกที่สำนักงานใหญ่ของ Okuma

ในขณะนั้นศูนย์เครื่อง machining ขนาด 5 แกนที่มีความแม่นยำสูง (high-precision 5-axis machining centres) สำหรับอุตสาหกรรมขนาดยักษ์ เช่น อุตสาหกรรมการบินและอวกาศก็กลายเป็นส่วนสำคัญของการเสนอขายผลิตภัณฑ์ของ Okuma โซลูชั่นใหม่สำหรับวัสดุที่ยากต่อการกัดเซาะ (difficult-to-machine materials) เช่น ไททาเนียม หรือ Inconel ในปี 2016 Okuma ได้นำเสนอ Super Multitasking machines เพื่อจัดการปัญหาดังกล่าว ในปี 2017 ได้มีการเปิดตัว Dream Site 2 (DS2) โรงงานอัจฉริยะแห่งใหม่ซึ่งมีระดับการทำงานอัตโนมัติสูงกว่า DS1

DS2
Dream Site 2: โรงงานอัจฉริยะที่ใช้เครื่องจักรล้ำสมัยและ Internet of Things เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในสายการผลิตขนาดใหญ่ หรือแม้แต่ในการผลิตแบบ large product mixes และ small batch sizes

 Eichii Okuma เสียชีวิตในปี 1950 แต่มรดกของเขายังมีชีวิตจนถึงทุกวันนี้ในรูปของนวัตกรรมใหม่ ๆ ของทุกสิ่ง

About The Author