หุ่นยนต์สำหรับการตรวจสอบที่ช่วยให้งานที่ซับซ้อนง่ายดายขึ้น รวมถึงช่วยมนุษย์ทำงานที่เสี่ยงอันตรายต่อการบาดเจ็บ ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัดทำให้มันสามารถปีนป่ายไปรอบๆ พื้นผิวภายในของเครื่องบินได้แทบทุกซอกทุกมุม
แม้ว่าใครหลายคนกลัวว่าหุ่นยนต์จะเข้ามาแย่งงานไปจากมนุษย์ แต่จากหลายเหตุผล พวกมันก็ยังเป็นที่ต้องการอยู่ดี โดยเฉพาะในงานที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บสูง นี่คือที่มาของ Invert Robotics บริษัท startup ของนิวซีแลนด์ ที่ได้พัฒนาหุ่นยนต์เพื่อการตรวจสอบถังเก็บนมขนาดใหญ่ตั้งแต่ปี 2010 บนประเทศแห่งเกาะที่มีปริมาณวัวมากกว่าคน ถังเก็บนมจึงมีมากมาย รายได้ประมาณ 1ใน 4 ของการส่งออกของนิวซีแลนด์จึงมาจากผลิตภัณฑ์จากฟาร์มโคนม
“เป้าหมายสูงสุดของเราก็คือ จะไม่มีใครต้องทำงานในพื้นที่แคบที่มีความเสี่ยงอีกต่อไป” Neil Fletcher กรรมการผู้จัดการ Invert Robotics กล่าว ทั้งนี้ หุ่นยนต์ดังกล่าวจะช่วยป้องกันมนุษย์จากอุบัติเหตุมากมายที่เกิดจากการทำงาน บางส่วนเกิดจากการสูดดมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซอันตรายอื่น ๆ
The challenge of non-magnetic surfaces: ความท้าทายบนพื้นผิวที่ไม่ใช่โลหะ
ก่อนที่หุ่นยนต์จะเข้ามามีบทบาทในงานเหล่านี้ บรรดาวิศกรของ Invert Robotics ต้องเอาชนะงานยากประการหนึ่งเสียก่อน ในขณะที่มีหุ่นยนต์ต่างๆ ที่สามารถเคลื่อนไหวไปตามพื้นผิวโลหะด้วยอำนาจของ
“เราได้พัฒนาเทคโนโลยีมาจากถ้วยดูด (suction cups)” James Robertson, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีของ Invert Robotics กล่าว
โซลูชันแรกต้องใช้ปั๊มสุญญากาศขนาดใหญ่ เขากล่าว อย่างไรก็ ตามวิศวกรได้ปรับปรุงการออกแบบเพื่อให้ปั๊มไม่จำเป็นอีกต่อไป
Robertson กล่าวว่า “ระบบในปัจจุบันมีความประหยัดพลังงานมากกระทั่งหุ่นยนต์จะยังสามารถติดอยู่กับพื้นผิวได้เป็นเวลานานแม้ว่าจะถูกปิดสวิทช์ไปแล้วก็ตาม”
ในขณะเดียวกัน Invert Robotics ได้ขยายขอบเขตการประยุกต์ใช้งานสำหรับหุ่นยนต์ตรวจสอบเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในทุกพื้นที่ปิดล้อม ส่วนใหญ่เป็นถังบรรจุขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารและอุตสาหกรรมเคมี
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีการดูด (suction technology) และกล้องถ่ายรูปของหุ่นยนต์ของ Invert Robotics ไม่ได้ถูกจำกัดการใช้งานเฉพาะภายในถังบรรจุขนาดใหญ่เท่านั้น มันยังถูกใช้งานหลายปีมาแล้วในอุตสาหกรรมการบำรุงรักษาเครื่องบินด้วย ในงานที่มีความสำคัญอย่างการค้นหารอยแตกหรือความเสียหายอื่น ๆ บนพื้นผิว ในขณะที่ความรวดเร็วในการทำงานเป็นปัจจัยสำคัญเนื่องจากเครื่องบินต้องกลับสู่อากาศโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ความยากเย็นของงานนี้ก็คือ ความยากลำบากในการเคลื่อนที่ไปตามลำตัวด้านนอกของเครื่องบินของพนักงานซ่อมบำรุง มันจึงเป็นงานที่เหมาะสำหรับหุ่นยนต์ตรวจสอบของ Invert Robotics ด้วยสมรรถนะของกล้องที่มีความละเอียดสูงที่จะส่งภาพของส่วนลำตัวเครื่องบินไปยังพนักงานซ่อมบำรุง
คนงานสามารถอยู่บนพื้นได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงกับระดับความสูงด้วยอุปกรณ์ยกพื้นหรือเชือกเพื่อตรวจสอบความเสียหายของเครื่องบิน การใช้หุ่นยนต์จึงช่วยลดเวลาในการตรวจสอบได้มาก
อ้างอิง: https://www.roboticsbusinessreview.com/robo-dev/invert-robotics-suction-aids-safety/
About The Author
You may also like
-
SuperSource : 3 เหตุผล ทำไมโรงงานต้องวัดค่าความตึงสายพานทุกครั้งก่อนใช้จริง | TT GROUP
-
สัมมนาสัญจร จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ”ขับเคลื่อนเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัยของชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน“
-
อินฟอร์มาฯ สานต่อความร่วมมือ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย จัดงาน “Electric Vehicle Asia 2024” ยกระดับการผลิตไทยสู่การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก
-
Guangzhou Industrial Technology และ Asiamold Select 2024 – Guangzhou กำลังจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า
-
อินฟอร์มาฯ จับมือ TESTA เสริมทักษะ ความรู้ ความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน ในงาน “Energy Storage Asia 2024” ขานรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด