Digitalisation

Digitalisation

Digitalisation ก้าวสำคัญของธุรกิจแบบดิจิทัล

กระแสการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันที่มีอย่างต่อเนื่อง การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่กำลังก้าวไปอย่างรวดเร็ว การปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้เป็นดิจิทัล (Digitalisation) เครื่องจักรต่าง ๆ มีการเชื่อมต่อถึงกัน ข้อมูลสามารถส่งผ่านระหว่างเครื่องจักร และระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้ผลิตต้องปรับพฤติกรรมและระบบให้สอดคล้องกัน แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถใช้แนวทางใหม่ ๆ ที่ช่วยให้การบริการลูกค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีต้นทุนที่ต่ำลง 

Vollmer ผู้ผลิตเครื่องมือกลระดับโลก ได้ปรับตัวและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น ในช่วงโควิดที่การเดินทางถูกจำกัด บริษัทให้บริการติดตั้งและทดสอบเครื่องจักรจากทางไกล โดยที่วิศวกรไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ของลูกค้า รวมถึงบริการให้คำปรึกษาซ่อมแซมเครื่องจักรจากทางไกล ทำให้ระยะเวลาในการระบุปัญหาและวิธีแก้ไขถูกบีบให้สั้นลงมาก จากเดิมใช้เวลา 1-2 วันก็ยังเป็นเรื่องที่รับได้ แต่ในปัจจุบัน ใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น สิ่งนี้จะทำไม่ได้เลยถ้าปราศจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการลงทุนลงแรงตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อปรับมาตรฐานระบบหลังบ้านทุกอย่างให้สามารถรองรับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีใหม่ได้

Digitalisation is not only having digital components but giving the customer information through digital systems.

การเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานไปเป็นดิจิทัลไม่ใช่เพียงแค่มีส่วนประกอบที่เป็นดิจิทัลเท่านั้น แต่เป็นการให้ข้อมูลแก่ลูกค้าผ่านระบบดิจิทัล

(ที่มา: Vollmer)

เครื่องจักรเมื่อ 20 ปีก่อน ถูกขับเคลื่อนด้วยชิ้นส่วนเชิงกลเป็นหลัก แต่ตอนนี้ทุกอย่างเป็นชิ้นส่วนไฟฟ้า ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและเป็นดิจิทัล บริษัทต้องปรับระบบและพฤติกรรมให้เคลื่อนไปสู่การเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานเป็นดิจิทัล ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่มีส่วนประกอบที่เป็นดิจิทัลเท่านั้น แต่เป็นการให้ข้อมูลแก่ลูกค้าผ่านระบบดิจิทัลด้วย

Visual Support ให้บริการลูกค้าทางไกล

ในระหว่างช่วงเวลาโควิดนั้น เราได้เห็นข้อดีของการประชุมออนไลน์ผ่าน Zoom หรือ Team ขณะที่ไม่สามารถพบปะตัวจริงกันได้ สิ่งนี้ก็เป็นประโยชน์สำหรับผู้ผลิตเครื่องจักรในการให้บริการลูกค้าเช่นเดียวกัน แต่เพียงแค่การโทรผ่านวีดีโอเพียงอย่างเดียวนั้นไม่พอ ต้องประกอบด้วยฟังก์ชันอื่น ๆ ที่ใช้ในงานวิศวกรรมด้วย โดยระบบดิจิทัลของ Vollmer ใช้ Oculavis ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ทำให้เห็นว่าลูกค้ากำลังทำอะไรหน้าเครื่องจักร (ใช้ผ่านแท็บเลตหรือแว่นตาอัจฉริยะ) สามารถช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่ผู้ปฏิบัติการ โดยสามารถบอกขั้นตอนถัดไปในการดำเนินการบริการ ช่วยลดความผิดพลาดในการสื่อสารระหว่าง Vollmer และลูกค้าที่อาจเกิดขึ้นได้จากการไม่สามารถเห็นในสิ่งที่ลูกค้าเห็นได้

คุณผู้อ่านสามารถดูคลิปวีดีโอเพื่อความเข้าใจมากขึ้นได้ในลิงก์ข้างล่าง

Vollmer Visual Support 

การได้รับอีเมล รูปภาพ และเอกสารจากลูกค้าอาจเกิดการตีความผิดพลาดไปจากสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ การได้เห็นสิ่งเดียวกับที่ลูกค้าเห็นจึงเป็นการได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ก่อนนั้นระยะเวลาตั้งแต่ที่ลูกค้าเกิดปัญหาไปจนถึงการแก้ไขปัญหาแล้วเสร็จนั้นอาจกินเวลาไป 1-2 วัน แต่หลังจากที่นำ Vollmer Visual Support มาช่วยนั้น สามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ภายใน 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น การตอบสนองที่เร็วขึ้น การใช้โซลูชันที่ถูกต้องเหมาะสมโดยไม่ต้องมีการสื่อสารที่มากเกินไป การใช้แนวทางที่ทำให้ถูกต้องตั้งแต่แรกด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง ทำให้ลดความผิดพลาดจากการสื่อสารไปได้ ไม่ว่าจะเป็นภาษา คำศัพท์ คำจำกัดความ การสื่อสารที่ผิดพลาด หรือแม้กระทั่งโซนเวลาก็อาจทำให้เกิดปัญหาต่อการบริการได้ การเปลี่ยนแปลงกระบวนการไปเป็นดิจิทัลจะช่วยขจัดปัญหาเหล่านี้ได้

ดูแลรักษาเครื่องจักรได้อย่างรวดเร็ว

ในยุคที่แกนหมุนมีการใช้งานสูงสุด ความกดดันด้านเวลาและต้นทุนรวมถึงความต้องการในด้านการบริการที่ดีนั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งซัพพลายเชน การเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานเป็นดิจิทัล (Digitalisation) กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางธุรกิจ (Business Landscape) ในอดีตที่ผ่านมา ระบบ ส่วนประกอบ และซอฟต์แวร์ที่แตกต่างกันของเครื่องจักรและเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่สามารถเข้าถึงกันได้ แต่ในปัจจุบันเราสามารถเข้าสู่ระบบเครื่องจักรและทำงานทางไกลกับลูกค้าได้แล้วโดยที่เครื่องจักรสามารถทำงานต่อได้ภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูกค้านอกยุโรป ความแตกต่างของทวีป ต่างเวลา อาจทำให้คุณเสียเวลาเป็นวัน ๆ Visual Support จะช่วยให้ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

V@dison คือ โซลูชันดิจิทัลของ Vollmer ที่ช่วยให้ลูกค้าดำเนินการบำรุงรักษา ซ่อมแซม เครื่องจักรได้โดยไม่ต้องมีวิศวกรของ Vollmer อยู่ตรงนั้นด้วย วิธีนี้ทำให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเรียกช่างมาซ่อมบำรุง ทำให้ประหยัดเวลาและต้นทุนไปได้อย่างมาก วิศวกรของ Vollmer สามารถเข้าระบบไปดูระบบของเครื่องจักรเมื่อทราบถึงปัญหาจึงแนะนำวิธีแก้ไขให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น

การสร้างรากฐานทางดิจิทัล (Digital Foundation)

ก่อนที่ระบบของ Vollmer จะสามารถรองรับบริการในลักษณะนี้ บริษัทต้องเตรียมลงทุนลงแรงเพื่อปรับเปลี่ยนระบบให้สามารถรองรับกับความต้องการ ลดความซับซ้อน มีความเป็นมาตรฐานและมีความสอดคล้องกันระหว่างระบบและเครื่องจักร การเข้าสู่การเป็นดิจิทัลเริ่มต้นเมื่อ Vollmer กำหนดว่าข้อมูลอะไรที่จำเป็นในการสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัล มีการประชุมนับครั้งไม่ถ้วนกับบริษัทย่อยทั่วโลก การสร้างทีมงานต่าง ๆ การทำเวิร์คชอป รวมถึงผู้เชี่ยวชาญดิจิทัลจากภายนอก และในปัจจุบัน Vollmer มีกลยุทธ์ทางด้านดิจิทัลที่ยอดเยี่ยมมาก ทีมงานให้ความสำคัญกับการทำงานที่เป็นดิจิทัลในทุกแง่มุมของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง 

ลดความยุ่งยากซับซ้อน

Vollmer ชี้ให้เห็นถึง 36 เรื่องในการทำงานที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น การลดจำนวนของระบบควบคุมจาก 5 เหลือ 3 ระบบ และผลที่ได้ คือ วิศวกรจะควบคุมเพียงระบบเดียวในการรวบรวมข้อมูลใน Laptop แทน ซึ่งทำให้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

การให้ข้อมูลดิจิทัลที่ครบถ้วนแก่ลูกค้า เพื่อการสื่อสารที่แม่นยำ 

อีกหัวข้อ คือ ชิ้นส่วนสำรอง Vollmer ตัดสินใจให้ข้อมูลและโครงสร้างของเครื่องจักรทั้งหมดให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกชิ้นส่วนสำรองได้ตามความต้องการ และยังให้เลือกแบบงาน 3 มิติและระบุส่วนประกอบที่ต้องการได้ เพื่อลดความผิดพลาดและมั่นใจได้ว่างานที่ออกมานั้นถูกต้องแน่นอน Vollmer มีภาพชิ้นส่วนสำรองสำหรับให้ลูกค้าเลือกมากกว่า 36,000 ชิ้นจากแพลตฟอร์มเครื่องจักรที่อยู่ในคลังข้อมูล และยังมีคลิปวิดีโอสำหรับการบริการและการบำรุงรักษาอีกด้วย

ติดตั้งอุปกรณ์ IoT เพื่อการเข้าถึงได้ทุกเครื่องจักร

การดำเนินการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในโครงสร้างและกระบวนการทางธุรกิจเป็นภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้ได้รับผลประโยชน์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทั้งในส่วนของ Vollmer และลูกค้า สิ่งหนึ่งที่สำคัญในการเข้าถึงเครื่องจักร คือ บริษัทไม่สามารถเห็นในสิ่งที่ตรงกับลูกค้าเห็นได้ และไม่สามารถเห็นสัญญาณที่แสดงบนตู้ไฟฟ้าได้ Volmer จึงทำการติดตั้ง Fast Viewer หรือ Team Viewer บนเครื่องจักรใหม่ทุกเครื่อง และยังติดตั้งบนเครื่องเดิมที่มีอยู่ด้วยเพื่อให้เข้าถึงเครื่องจักรรุ่นเก่าได้ ตอนนี้เราสามารถเข้าถึงเครื่องจักรที่ผลิตในปี 2000 หรือย้อนกลับไปไกลกว่านั้นได้ สิ่งนี้จะทำให้เราสามารถช่วยลูกค้าได้ทั่วโลก โดยเฉพาะในกรณีที่บริษัทย่อยไม่สามารถไปยังสถานที่ของลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรคระบาด ข้อจำกัดในการเดินทางต่าง ๆ ทำให้ไม่สามารถไปเยี่ยมเยียน ดูแล หรือบริการลูกค้าได้ ก็จะมี Visual Suport ที่ให้การดูแลหรือซัพพอร์ตลูกค้าจากทางไกล

การวิเคราะห์ข้อมูลการทำงานของเครื่องจักรในเชิงลึกย้อนหลัง 30 วัน

การอนุญาตให้ผู้จำหน่ายเครื่องจักรเข้าถึงเครื่องจักรได้จากทางไกลเพื่อตรวจหาปัญหานั้นเป็นประโยชน์มากสำหรับลูกค้า ในการปฏิบัติงานของเครื่องจักรจะมีการบันทึกค่าพารามิเตอร์และความแปรผันในกระบวนการทำงานเอาไว้ เมื่อเครื่องจักรเกิดปัญหาขึ้นลูกค้าสามารถเห็นเพียงแค่ข้อความแสดงข้อผิดพลาดโดยที่ไม่ทราบถึงปัญหาได้อย่างแน่ชัด Vollmer สามารถเข้าถึงเครื่องและดูกระแสไฟฟ้าที่ถูกดึงมาใช้ พลังงานที่ใช้เพิ่มขึ้น และรูปแบบของมอเตอร์ก่อนหยุด ทำให้สามารถระบุปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน 

ระบบของ Vollmer เก็บข้อมูลในเครื่องได้ถึง 28-30 วัน ทำให้สามารถดูย้อนหลังได้ว่าข้อผิดพลาดเริ่มต้นวันไหนและตรวจสอบกระบวนการกับพารามิเตอร์ต่าง ๆ ที่นำไปสู่ข้อความแสดงข้อผิดพลาดได้ Vollmer สามารถระบุได้ว่าแบบใดที่ทำเพิ่มขึ้นและส่วนใดที่ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ เราสามารถรวบรวมข้อมูลจากเครื่องจักรได้มากมาย แต่ลูกค้าจะเห็นพารามิเตอร์ไม่กี่ตัวบนหน้าจอเท่านั้น เพราะสิ่งที่ลูกค้าต้องการรู้ คือ แกนหมุนและสารหล่อเย็นทำงานหรือไม่ รายละเอียดที่อยู่ในเครื่องนั้นช่วยให้ทำงานอย่างปลอดภัยและลดข้อผิดพลาดในการบริการและการรายงานผลปฏิบัติการ ซึ่งหมายถึงการลดข้อผิดพลาดจากการสื่อสารออกไป เพราะ Vollmer สามารถดูข้อมูลโดยตรงจากเครื่องจักรผ่านระบบออนไลน์

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การสร้างความเป็นมาตรฐาน ลูกค้าบางรายใช้งานเครื่องจักรที่มีระบบปฏิบัติการเดิมมามากกว่า 20 ปี เมื่อเครื่องเกิดปัญหาต้องส่งช่างที่เชี่ยวชาญกับเครื่องนั้น ๆ โดยตรงเพื่อเข้าไปแก้ปัญหา หากเป็นระบบใหม่นี้ไม่ว่าเครื่องจักรจะมีอายุ 2 หรือ 20 ปี จะมี ระบบควบคุมเดียวกัน การทำงานอยู่บนระบบเดียวกันทั้งหมด มีซอฟต์แวร์ที่เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานสามารถทำได้ทุกอย่างที่ต้องการด้วยระบบการทำงานที่เป็นดิจิทัล และการบำรุงรักษาเครื่องจักรแบบเดียวกัน สิ่งนี้เป็นการสร้างมาตรฐานสำหรับ Vollmer และเป็นสร้างแพลตฟอร์มบริการที่มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าที่ยังมีเครื่องจักรเก่า

ความปลอดภัยทางไซเบอร์

การเชื่อมต่อเครื่องจักรและ IoT ทำให้เรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก การติดตั้ง IoT Gateway แบบใหม่บนเครื่องจักรทุกเครื่อง จะช่วยปรับปรุงความปลอดภัยของเครือข่ายข้อมูลให้ดียิ่งขึ้น โดยผ่านอินเตอร์เฟซ OPC UA และ Umati เนื่องจากระบบต้องทำตามข้อบังคับของรัฐบาลกลางยุโรป ดังนั้น บริษัทจึงมีใบรับรองและมีเป้าหมายที่จะต้องทำให้ได้ทุก 2 เดือน หมายความว่า IoT Gateway และเครื่องจักรจะมีการสื่อสารแบบวงปิด (Closed Loop) ผ่านช่องทางเดียว ความปลอดภัยและความสามารถในการป้องกันไวรัสหรือการโจมตีจากบุคคลภายนอกจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับลูกค้า

ส่งมอบและติดตั้งเครื่องจักรแบบออนไลน์ช่วงโควิดระบาด

ในช่วงโควิดที่การเดินทางถูกจำกัด วิศวกรของบริษัทไม่สามารถเดินทางออกไปบริการลูกค้าได้ แต่บริษัทมีการส่งมอบและติดตั้งเครื่องจักรให้กับลูกค้าในรูปแบบออนไลน์ แต่ก่อนนั้นเครื่องจักรจะถูกจัดส่งและตั้งอยู่บนพาเลทเฉย ๆ แต่ด้วยผลิตภัณฑ์ดิจิทัลใหม่ด้วยความร่วมมือกับลูกค้าในการติดตั้งเครื่องผ่านทางไกลทำได้ไม่ยาก ทั้งในเวียดนาม ออสเตรเลีย อเมริกาใต้ และทั่วโลก แม้ว่าจะมีข้อจำกัดด้านการเดินทางก็ตาม 

บริษัทจะแนะนำลูกค้าทีละขั้นตอนว่าต้องทำอย่างไร จากแพลตฟอร์มระบบดิจิทัลที่ได้รับการเตรียมการมาอย่างดีและพร้อมใช้ บริษัทได้ทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อดำเนินการติดตั้ง ทดสอบการใช้งานระบบ ไปจนถึงการฝึกอบรมอย่างครบถ้วนตลอดช่วงเวลาล็อกดาวน์ ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก ในอนาคตผู้คนอาจมีการเดินทางที่น้อยลง แต่พนักงานของเราสามารถทำงานได้จากระยะไกลและยังคงซัพพอร์ตลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

การก้าวเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลของ Vollmer เป็นหนึ่งในวิวัฒนาการที่ดำเนินอย่างต่อเนื่อง จะได้เห็นแพลตฟอร์มที่เป็นมาตรฐานมากยิ่งขึ้น เกิดการคล่องตัวทางธุรกิจและภาคส่วนต่าง ๆ ตลอดจนการสื่อสารข้อมูลกับลูกค้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขั้นตอนถัดไป คือ การยกระดับโอกาส Augmented Reality (ความจริงเสมือนที่เข้ามาผสานในโลกของความเป็นจริง) เราสามารถมองดูโมเดล 3 มิติควบคู่กับเครื่องจักรจริงที่อยู่ตรงหน้าได้ ตอนนี้เราใช้ Visual Support พร้อมมือถือหรือแท็บเลต มีการใช้แว่นตาอัจฉริยะเพื่อทำสิ่งต่าง ๆ แบบ Hands-Free เพื่อปรับปรุงคุณภาพและกระบวนการต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้น 

ธุรกิจต่าง ๆ ในอนาคตจะต้องการเครื่องจักรที่สามารถทำงานด้วยตนเอง พวกเขาต้องการรู้แค่ว่าจะต้องเปลี่ยนเครื่องมือ วัสดุสิ้นเปลือง ชิ้นส่วนที่สึกหรอเมื่อใด ส่วนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันนั้นมีอยู่แล้วในแพลตฟอร์มดิจิทัลโดยอิงจากระยะเวลาการทำงาน 

เครื่องของ Vollmer จะมีเซนเซอร์ที่มากขึ้นเพื่อบันทึกข้อมูลทุกอย่าง ด้วยข้อมูลที่มากขึ้นจะสามารถเปรียบเทียบการวิเคราะห์วงจรชีวิตของส่วนประกอบต่าง ๆ ได้มากขึ้นและจะช่วยในการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน อีกทั้งยังลดต้นทุนให้กับลูกค้าอีกด้วย

บทความอ้างอิง: https://www.etmm-online.com

บทความอื่น ๆ

About The Author