Ford

Ford พลิกโฉมเศษเหลือทิ้งจากต้นมะกอกให้กลายเป็นชิ้นส่วนยานยนต์ที่ยั่งยืน

เป้าหมายในการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์นั้น ทำให้บริษัทต่าง ๆ หาแนวทางเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนไปใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง ประหยัดพลังงาน ใช้พลังงานหมุนเวียน การเปลี่ยนมาใช้วัสดุจากแหล่งที่มีคาร์บอนฟุตพรินต์ต่ำ เป็นต้น

สำหรับวัสดุ มี 2 แนวทางในการลดการปล่อยคาร์บอน คือ 

  • การใช้วัสดุรีไซเคิล เนื่องจากคาร์บอนฟุตพรินต์ได้เกิดขึ้นไปแล้วกับผลิตภัณฑ์ก่อนหน้า แล้วจึงนำวัสดุมารีไซเคิล ดังนั้นวัสดุรีไซเคิลจึงไม่มีการปล่อยคาร์บอนเหมือนกับวัสดุที่ผลิตใหม่ 
  • การใช้วัสดุพลาสติกชีวภาพที่ผลิตมาจากพืชแทนการใช้วัสดุพลาสติกที่ผลิตจากฟอสซิลซึ่งมีคาร์บอนฟุตพรินต์สูง

สำหรับตัวอย่างในบทความนี้ Ford ใช้ทั้ง 2 แนวทาง คือ นำวัสดุพลาสติกรีไซเคิลมาผสมกับไฟเบอร์ที่เป็นเศษเหลือทิ้งหลังเก็บเกี่ยวผลจากต้นมะกอก ซึ่งต้นมะกอกมีการผลิตในปริมาณมหาศาลทั่วโลก การนำของที่จะทิ้งมาใช้ประโยชน์เป็นการเพิ่มมูลค่าและช่วยลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ

Ford มุ่งสู่นวัตกรรมยานยนต์ที่ยั่งยืน โดยนำเศษของต้นมะกอกที่เหลือ เช่น กิ่ง ก้านสาขา และใบไม้ มาผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ความคิดริเริ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ Compolive ที่มีเป้าหมายในการทดแทนพลาสติกด้วยสารประกอบชีวภาพ ซึ่งมีส่วนส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจหมุนเวียน

Ford breaks new ground in eco-friendly automotive manufacturing by utilising discarded olive tree wast for car parts.

Ford สร้างมาตรฐานใหม่ในการผลิตยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการใช้เศษจากต้นมะกอกในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ 

(ที่มา: Ford)

ผลของต้นมะกอกสามารถนำมารับประทานได้ อาทิเช่น ขนม น้ำมันมะกอก และมะกอกดำปรุงรส (ทาปานาท) Ford คิดค้นการใช้กิ่งก้านสาขาและใบของมะกอกที่ถูกทิ้งระหว่างการเก็บเกี่ยวมาใช้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อให้เกิดความยั่งยืนมากขึ้น การทดลองนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ Compolive ที่มุ่งเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมโดยการใช้เศษเหลือทิ้งจากต้นมะกอกซึ่งเป็นสารประกอบชีวภาพมาใช้แทนพลาสติก และส่งเสริมในเรื่องของเศรษฐกิจหมุนเวียนอีกด้วย

การใช้เศษเหลือทิ้งจากต้นมะกอกมาผลิตชิ้นส่วนยานยนต์นั้นสามารถลดการใช้พลาสติกในชิ้นส่วนดังกล่าวและช่วยให้อากาศสะอาดขึ้นเนื่องจากไม่มีการเผาเพื่อกำจัดขยะที่เป็นเศษเหลือทิ้ง  

วิศวกรของ Ford ใช้เศษเหลือทิ้งจากต้นมะกอกนำมาผลิตต้นแบบที่พักเท้าและชิ้นส่วนที่เป็นพื้นที่วางสัมภาระสำหรับยานยนต์ จากการทดสอบแสดงให้เห็นว่าชิ้นส่วนที่ผลิตมีความแข็งแรงทนทาน ทั้งนี้ Ford กำลังประเมินกระบวนการสำหรับการผลิตปริมาณมากเพื่อต่อยอดการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า

Engineers produced prototype footrests and parts of the boot area using olive tree waste.

Consisting of 40 percent fibres and 60 percent recycled polypropylene plastic, the substance was heated and injection moulded into the shape of the selected part.

Engineers produced prototype footrests and parts of the boot area using olive tree waste.

Engineers produced prototype footrests and parts of the boot area using olive tree waste.

เศษวัสดุเหลือของต้นมะกอกมีแหล่งกำเนิดมาจากสวนมะกอกในแคว้น Andalusia ประเทศสเปน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีการผลิตน้ำมันมะกอกมากที่สุดในโลก

วิศวกรจากสำนักงานใหญ่ภาคพื้นยุโรปของฟอร์ด ในเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี ใช้เทคโนโลยีการจำลองอันชาญฉลาดทดสอบความสามารถในการใช้งานของต้นมะกอกในเรื่องของความทนทาน ความแข็งแรง และความสามารถในการขึ้นรูป จากนั้นจึงสร้างต้นแบบการผลิตที่ประกอบด้วยไฟเบอร์ 40 เปอร์เซ็นต์ และพลาสติกโพลีโพรพีลีนรีไซเคิล 60 เปอร์เซ็นต์ วัสดุนี้เมื่อได้รับความร้อนและฉีดขึ้นรูปก็จะเป็นรูปทรงของชิ้นส่วนที่เราต้องการ 

“เราต้องทำการทดลองด้วยสัดส่วนของวัสดุเหลือทิ้งและโพลีโพรพีลีนที่แตกต่างกันเพื่อให้ได้ส่วนผสมที่ใช่ ซึ่งเป็นงานที่ยากมาก แต่สุดท้ายก็ทำให้เราผลิตวัสดุได้โดยที่ไม่ลดทอนความแข็งแกร่ง ความทนทาน และความยืดหยุ่นไปได้” Thomas Baranowski ผู้เชี่ยวชาญการฉีดขึ้นรูปของ Ford กล่าว

“เราสามารถใช้เศษเหลือทิ้งจากต้นมะกอกมาแทนวัตถุดิบจากปิโตรเลียมได้เป็นอย่างมากในการผลิตชิ้นส่วนตกแต่งภายใน ไฟเบอร์ที่ยั่งยืนสามารถสร้างลักษณะพื้นผิวที่มีความเฉพาะตัวและลูกค้าสามารถมองเห็นได้” Inga Wehmeyer, Project Lead ของ Ford กล่าว

แนวคิดเรื่องการใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุชีวภาพเพื่อความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นมาตรการวัสดุที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้เพื่อเข้าใกล้เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)

บทความอ้างอิง: https://www.etmm-online.com/

บทความที่น่าสนใจ

About The Author