ผู้ประกอบการขนาดกลางในเยอรมนีตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงตกหลุมอากาศเมื่ออุตสาหกรรมยานยนต์กำลังผันตัวเองเข้าสู่ชุมชนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ซัพพลายเชนเครื่องยนต์เผาไหม้แบบเดิมต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตซึ่งหมายถึงเงินลงทุนก้อนโต ไปติดตามกันว่าพวกเขาจะหาทางออกในเรื่องนี้อย่างไร เพราะอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยเองก็ต้องรับมือกับ e-mobility อย่างแน่นอนโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง
แม้จะมีชัยชนะของรถยนต์ไฟฟ้ารออยู่ แต่หนทางก็ยังอีกยาวไกลนักในการกลับมาสู่ความสำเร็จเช่นที่เคยเป็นสำหรับภาคยานยนต์ของเยอรมัน แม้ทิศทางและแนวโน้มในภาคนี้ยังคงเป็นไปด้วยดี แต่ก็ไม่ได้ชดเชยการสูญเสียในภาคส่วนอื่น ๆ จากการศึกษาของ Euler Hermes บริษัทประกันเครดิตจากปารีส ฝรั่งเศสพบว่า ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และซัพพลายเออร์ยานยนต์นั้นมีความเสี่ยงเป็นพิเศษในสถานการณ์นี้
“มีทั้งแสงสว่างและเงามือในอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมัน” Ron van het Hof ซีอีโอของ Euler Hermes ในเยอรมนีออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์กล่าว “รถยนต์ไฟฟ้าได้เติบโตอย่างแท้จริงและมีส่วนแบ่งตลาดสูงเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา เนื่องจากแรงจูงใจในการซื้อ อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยการตกต่ำในภาคอื่น ๆ นอกจากนี้ก็ยังมีจีนเป็นความหวังของตลาด สำหรับซัพพลายเออร์ยานยนต์และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แม้สิ่งต่าง ๆ จะยังดูเลือนลางอยู่ก็ตาม”
- ตลาด AI ในอุตสาหกรรมยานยนต์จะโต 1200% ในอีก 6 ปีข้างหน้า
- AUTOMOTIVE SUMMIT 2019: อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนไทยกับแนวโน้ม SMART MOBILITY
- เดลต้า EV CHARGING สนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
- OUTLOOK 2030: MOBILITY TRENDS มีผลต่อมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างไร (ตอนที่ 1)
การล้มละลายครั้งสำคัญ 10 กรณีในอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วง 9 เดือนแรก
“ในช่วง 9 เดือนแรกของปีเรานับผู้ป่วยมากกว่าสองเท่าในอุตสาหกรรมยานยนต์โดยมีการล้มละลายครั้งใหญ่ 10 คดีเมื่อเทียบกับการล้มละลายครั้งใหญ่ 4 ครั้งในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว” Van het Hof กล่าว “นอกจากนี้ยังมีในอุตสาหกรรมโลหะมากขึ้นถึง 3 เท่าในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีการล้มละลายที่สำคัญ 9 รายการ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ภาคส่วนนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญก่อนที่ COVID-19 จะระบาด ในบางพื้นที่สถานการณ์ตอนนี้แย่ลงอย่างมาก – แต่ในทุกที่ก็มีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้”
ในกลุ่มกิจการเครื่องยนต์ที่เป็นซัพพลายเออร์ให้กับยานยนต์กำลังกระฉับกระเฉงอย่างเห็นได้ชัดในขณะนี้ โดยรวมแล้ว บริษัทซัพพลายเออร์มากกว่า 1,000 แห่งที่มียอดขายสะสมที่ 1.9 หมื่นล้านยูโรและพนักงาน 300,000 คนมีหน้าที่รับผิดชอบ 75% ของมูลค่าเพิ่มในภาคยานยนต์
18% ของ บริษัทซัพพลายเออร์ขนาดกลางในเยอรมนีตกอยู่ในความเสี่ยง
“ปัจจุบันบริษัทซัพพลายเออร์ขนาดเล็กและขนาดกลางในเยอรมนีประมาณ 18% ตกอยู่ในความเสี่ยง” Van het Hof กล่าว “ซึ่งนั่นเป็นสัดส่วนที่มากกว่าผู้ผลิตยานยนต์ (ประมาณ 12%) อย่างมีนัยสำคัญ หรือมากกว่าในอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันยังหมายความว่า อีก 82% ของบริษัททั้งหมดอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างดี ซึ่งนั่นนับเป็นข่าวดีสำหรับวิกฤตในปัจจุบัน”
ซัพพลายเออร์ระดับ 2 และระดับ 3 – โดยเฉพาะรายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (electromobility) – รวมถึงบริษัทขนาดเล็กกว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคใต้ของเยอรมนี
Maxime Lemerle ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์และหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ความเสี่ยงในอุตสาหกรรมของ Euler Hermes Group กล่าวว่า “(ธุรกิจของ) พวกเขายังคงพึ่งพาระบบส่งกำลังแบบเดิมอยู่มาก แถมยังไม่มีทรัพยากรทางการเงินเพียงพอที่จะจัดการกับการปรับเปลี่ยนทิศทางของผลิตภัณฑ์ซึ่งต้องเข้าแข่งขันในโลกใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้า”
“โดยเฉลี่ยแล้วซัพพลายเออร์ระดับที่ 1 มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนจากระบบเผาไหม้แบบเดิมไปเป็นระบบส่งกำลังไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากผู้ผลิตรถยนต์เอง รวมถึงความปรารถนาที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในตลาดโลก ในส่วนของผู้ผลิตยนต์เองก็ยังไม่แข็งแกร่ง บริษัทเหล่านี้จะตกอยู่ในความเสี่ยงทันทีหากยานยนต์ในเอเชียหันไปใช้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้น ยิ่งกว่านั้นบริษัททั่วไปก็ยังไม่สามารถปรับโมเดลธุรกิจให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ได้”
มาร์จินต่ำ แข่งขันสูง ยานยนต์ดีเซลคงคลังสูง
นอกจากซัพพลายเออร์แล้ว จากการสำรวจยังพบว่า ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ แม้ในช่วงก่อนเกิดวิกฤต จากมาร์จินที่อยู่ในระดับต่ำมากเพียงแค่ 0 ถึง 1% เท่านั้น จากการหยุดงานของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ โชว์รูม งานแสดงสินค้ายานยนต์ สำนักงานทะเบียนและโรงงาน ทำให้สถานการณ์ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น และแม้หลังจากสิ้นสุดการล็อคดาวน์ครั้งแรก ยอดขายก็กลับดีขึ้นเพียงบางส่วนเมื่อเทียบกับก่อนเกิดวิกฤต
“ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยังคงประสบปัญหาจาดรถยนต์ดีเซลที่ยังมีสินค้าคงเหลืออยู่ในระดับสูง และยังต้องแข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์ที่มีแนวคิดเรื่องการตลาดออนไลน์ใหม่ ๆ ด้วย” Lemerle กล่าว “พวกเขาแทบจะไม่เหลือ “พื้นที่หายใจ” เลยในบางกรณี เนื่องจากอัตราผลกำไรโดยรวมที่ต่ำและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น”
ตลาด: ไม่หวนกลับสู่ระดับก่อนวิกฤต แม้จะมีชัยชนะของ E-Vehicles
ตลาดเยอรมันซึ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป คาดว่าเมื่อสิ้นสุดปี 2020 ที่ผ่านมา การจดทะเบียนใหม่ของรถยนต์นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ลดลง -22% อยู่ที่ 3.1 ล้านคันต่อปี ลดลงจาก 4.0 ล้านคันในปี 2019 ทั้งนี้ การซื้อรถยนต์เริ่มมีความสำคัญน้อยลงสำหรับชาวเยอรมันส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแนวโน้มการจ้างงานและค่าจ้างมีความไม่แน่นอน หรือยังคงไม่เอื้ออำนวย แม้ว่าผู้บริโภคจะต้องการการขับเคลื่อนที่ “เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” เพิ่มมากขึ้นซึ่งจะสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของยานพาหนะอิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม หลังมีส่วนแบ่งการตลาดสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 15.6% ในเดือนกันยายน การฟื้นตัวของตลาดเยอรมันที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2021 (+14% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี) สามารถชดเชยการชะลอตัวในปี 2020 ได้เพียงบางส่วนเท่านั้นและจะเป็นไปเพียงช่วงสั้น ๆ โดยมีการคาดการณ์ว่า ตลาดไม่น่าจะกลับสู่ระดับก่อนวิกฤตได้และจะยังคงมียอดต่ำกว่า 3.6 ล้านคันต่อปีในปีต่อ ๆ ไป
ตลาดจีนคือ Bright Spot สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ที่ฟื้นตัว
นอกเหนือจากตลาดในประเทศแล้ว การพัฒนาตลาดส่งออกยังมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ผลิตยานยนต์และซัพพลายเออร์ ทั้งนี้ ส่วนแบ่งการส่งออกของอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนีอยู่ที่ 64.5% ระหว่างปี 2015 ถึง 2019
“ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เราคาดว่าจะมีการแข่งขัน (ราคา) ที่ดุเดือดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคาดว่าทั้งสองตลาดนี้จะยังมียอดขายหดตัวในปีล่าสุด และไม่ถึงระดับก่อนวิกฤต แม้จะมีการเติบโตที่คาดไว้ในปีหน้าก็ตาม” Lemerle กล่าว
“จากภาพรวมที่ดีขึ้นในจีน เหตุผลข้อหนึ่งก็คือ กฎข้อบังคับเรื่องการขับเคลื่อน (mobility restriction) ได้ถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้ และอีกข้อหนึ่งคือ มีผู้ซื้อครั้งแรก (first-time buyer) จำนวนมากที่เปลี่ยนจากระบบขนส่งสาธารณะ หรือ shared mobility ไปเป็นเจ้าของรถในช่วงที่เกิดการระบาดของไวรัสโคโรนา”
ตลาดยานยนต์จีนฟื้นตัวติดต่อกัน 8 เดือนตั้งแต่เดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน 2020 และคาดว่าสิ้นปีจะลดลง -2% ก่อนที่จะเพิ่มขึ้น +12% เป็น 28.3 ล้านคันในปี 2021
“ผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการฟื้นตัวนี้” Lemerle กล่าว “เนื่องจากมีการเล่นในกลุ่มพรีเมียมเช่นกัน และผู้ผลิตในเยอรมันส่วนใหญ่มีส่วนแบ่งการขายในจีนค่อนข้างสูง ซึ่งนับเป็นจุดที่สว่างสดใสอย่างแท้จริงสำหรับอุตสาหกรรม”
การบริหารสภาพคล่องที่เข้มงวดขึ้นและจำเป็นต้องลงทุนสูง
อย่างไรก็ตามโควิด -19 ได้ทิ้งร่องรอยถลอกปอกเปิกไว้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่น้อย เก้าเดือนแรกของปีมียอดขายและอัตราผลกำไรตกต่ำอย่างมาก แม้จะมีการฟื้นคืนในช่วง Q3: ผู้ผลิต OEM สูญเสียยอดขายประมาณ 18% ซัพพลายเออร์ -20% อุตสาหกรรมยางรถยนต์ -18% และแม้แต่การเช่ารถก็ลดลง -43 %. นอกจากนี้ยังส่งผลเชิงลบต่อผลกำไรจากการดำเนินงาน (operating profit) ในทุกแผนก: EBITDA ลดลงประมาณหนึ่งในสามที่ OEMs (-34%) โดยครึ่งหนึ่งอยู่ที่ซัพพลายเออร์ (-50%), -29% ในอุตสาหกรรมยางล้อและมากที่สุดที่ -87 % ในอุตสาหกรรมรถเช่า
บริษัทต่าง ๆ กำลังใช้วิธีการต่าง ๆ นา ๆ เช่น การลดปริมาณสินค้าคงคลังซึ่งจะส่งผลดีในระยะสั้น รวมถึงการเปิดตัวยานยนต์รุ่นใหม่ให้เร็วขึ้นหลังจากการผลิตกลับมา อย่างไรก็ตาม การขายรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษต่ำได้ส่งผลให้อัตรากำไรลดลงเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน
“ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้บีบบังคับให้บริษัทต่าง ๆ ต้องลดขนาดและลดตำแหน่งงาน ปรับพอร์ตการลงทุนและกำลังการผลิตทั้งในผลิตภัณฑ์และแบรนด์ รวมถึงในตลาดการขาย” Van het Hof กล่าว “สิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือ ‘การปรับแผนการลงทุน‘ ของพวกเขาคือการสร้างความสมดุล โดยมีเป้าหมายคือ เพื่อปกป้องสภาพคล่องและหยุดพักการใช้จ่าย และในทางกลับกันก็เพื่อเริ่มต้นสิ่งใหม่ที่เป็นผลดีต่อกิจการ ด้วยการลงทุนที่ตรงเป้าหมายและก้าวย่างสู่ความสำเร็จ (ในตลาด EV) บนถนนที่เชื่องช้าและเป็นหลุมเป็นบ่อ“
อ้างอิง: https://www.etmm-online.com/18-of-medium-sized-automotive-suppliers-at-risk-a-994663/
บทความที่เกี่ยวข้อง:
การตัดสินใจใช้ EVs ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของผู้บริโภคและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
อนาคตของพลังงาน – เทคโนโลยีการเก็บสะสมพลังงานและแบตเตอรี่ ไปถึงไหนกันแล้ว?
About The Author
You may also like
-
แนวคิดการย้ายฐานการผลิตกลับสู่ประเทศตนเองได้รับความสนใจอีกครั้งในสหราชอาณาจักร
-
ตลาดยุโรปเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตครั้งใหญ่ของพลาสติกชีวภาพ
-
ปัญหาความขัดแย้ง หวั่นกระทบนำเข้า-ส่งออกอุตสาหกรรมเหล็ก
-
จีนบุกตลาดอุตสาหกรรม ‘เครื่องมือตัด’ ทั้งส่งออกและผลิตใช้เอง
-
Arburg เปิดตัว Allrounder 470 H ทางเลือกประหยัดพลังงานและลดการปล่อยคาร์บอน