ปัญหาความขัดแย้ง หวั่นกระทบนำเข้า-ส่งออกอุตสาหกรรมเหล็ก

ปัญหาความขัดแย้ง หวั่นกระทบนำเข้า-ส่งออกอุตสาหกรรมเหล็ก

สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2017 สมัยประธานาธิดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้เกิดกระแสที่เรียกว่า ‘Supply Chain Decoupling’ หรือ การแยกออกของซัพพลายเชน จากแต่เดิมในยุคโลกาภิวัตน์ที่เน้นการเป็นซัพพลายเชนขนาดใหญ่ มีจีนเป็นผู้ผลิตป้อนสินค้าราคาถูกให้กับโลก ในปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตต่าง ๆ ได้ย้ายออกจากจีนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการกีดกันทางการค้า 

สหรัฐฯ ห้ามไม่ให้ประเทศพันธมิตรส่งชิปให้กับจีน เพื่อถ่วงไม่ให้จีนสามารถไล่ตามสหรัฐฯ ทันด้านเทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้ชิปเป็นส่วนประกอบ จนไม่ให้จีนต้องพยายามพัฒนาชิปด้วยตนเอง ตลอดจนห้ามไม่ให้โทรศัพท์ Huawei ใช้งานแอปต่าง ๆ ที่เป็นของสหรัฐฯ ส่งผลให้ Huawei หลุดอันดับ Top 5 ของโทรศัพท์สมาร์ตโฟนที่ขายทั่วโลกในทันที เพราะผู้บริโภคยังต้องการใช้บริการจาก Google หรือ แอปของสหรัฐฯ อยู่ จึงต้องเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น มาตรการกีดกันต่างเหล่านี้ คือ ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนที่กำลังดำเนินอยู่ จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการด้านการผลิตต้องเตรียมตัวรับมือ ระดับของการกีดกันไปไกลถึงระดับที่ว่าวัตถุดิบหรือส่วนประกอบในการผลิตนั้นห้ามมีแหล่งที่มาจากประเทศที่มีการกีดกันทางการค้า ซึ่งหากฝ่าฝืนก็จะถูกแบนไปด้วย 

สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้สหภาพยุโรปแบนการนำเข้าสินค้าต่าง ๆ ตลอดจนหยุดนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย บทความนี้จะเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุดกับอุตสาหกรรมเหล็กของสหราชอาณาจักรที่กำลังดำเนินมาตรการคว่ำบาตรทางการค้าที่สหภาพยุโรปทำต่อรัสเซีย โดยเริ่มต้นในเดือนกันยายน 2023 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทผู้ผลิตต่าง ๆ จำเป็นต้องมีหลักฐานยืนยันให้ได้ว่าแหล่งวัตถุดิบเหล็กที่กำลังผลิตอยู่นั้นมาจากที่ใด ระบบการตรวจสอบกลับได้ของปัจจัยการผลิตกลายเป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญ หากไม่สามารถยืนยันแหล่งที่มาของวัตถุดิบได้ก็จะไม่สามารถส่งออกสินค้าได้ และหลายบริษัทยังไม่ทราบถึงเรื่องนี้จึงเป็นตัวอย่างของการเปิดรับฟังสถานการณ์ความเป็นไปของโลก เพื่อดูทิศทางและหาทางป้องกันแก้ไขเตรียมไว้ล่วงหน้า เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วการแก้ปัญหาในทันทีไม่สามารถทำได้โดยง่าย การจัดการความเสี่ยง ตั้งแต่การมีแหล่งวัตถุดิบที่ไม่ผูกติดกับแหล่งเดียว การมีแหล่งพลังงานทางเลือกสำรอง ตลอดจนการมีเงินหมุนเวียนสำรองเพียงพอในการดำเนินธุรกิจ หลากหลายแง่มุมของการจัดการความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการสามารถหันมาตรวจสอบได้ในวันนี้ว่าหากมีเหตุความไม่แน่นอนใดเกิดขึ้นจะสามารถรับมือได้หรือไม่

ผู้ผลิตเหล็ก เหล็กกล้า หรือผลิตภัณฑ์เหล็กกล้า จำเป็นต้องทราบมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของสหภาพยุโรป (EU Russian Sanctions) ฉบับใหม่ที่บังคับใช้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สมาพันธ์การขึ้นรูปโลหะแห่งอังกฤษ หรือ CBM (The Confederation of British Metalforming) สนับสนุนให้บริษัทต่าง ๆ ทบทวนกฎหมายดังกล่าว

CBM President Stephen Morley warns: “It is important to recognise that the scope of the EU measures on iron and steel products extends far beyond primary and secondary steel products to encompass many finished goods, including fasteners and other industrial consumables.”

Stephen Morley ประธาน CBM บอกให้รู้ถึงสิ่งที่ต้องตระหนักความสำคัญเกี่ยวกับมาตรการสหภาพยุโรปของผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้าที่สามารถไปไกลถึงระดับปฐมภูมิและทุติยภูมิ รวมถึงสินค้าสำเร็จรูป สลักภัณฑ์ (สกรู น็อต) และวัสดุสิ้นเปลืองอุตสาหกรรมต่าง ๆ

(ที่มา: CBM)

มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของสหภาพยุโรปที่มีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้ผู้ผลิตเหล็ก เหล็กกล้า หรือผลิตภัณฑ์เหล็กกล้า สัญชาติอังกฤษ กำลังเดินไปสู่ความหายนะของการส่งออก สมาพันธ์การขึ้นรูปโลหะแห่งอังกฤษ หรือ CBM กระตุ้นเตือนให้บริษัทต่าง ๆ เร่งสำรวจกฎหมายดังกล่าว ซึ่งต้องมีหลักฐานว่าเหล็กและเหล็กกล้าที่ใช้ผลิตส่วนประกอบมาจากประเทศที่ 3 (นอกสหภาพยุโรป รวมสหราชอาณาจักร) ไม่ได้มาจากรัสเซีย โดยจะต้องมีใบรับรองการทดสอบวัสดุเพื่อยืนยันโรงงานและสถานที่ที่วัสดุถูกหลอมละลายและเทลงไป ตลอดจนกระบวนการทุติยภูมิของเหล็กกล้า

Stephen Morley ประธานของ CBM คาดการณ์ว่าบริษัทหลายแห่งยังไม่ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงในการส่งออกนี้ อาจทำให้สินค้าไปล่าช้าที่ศุลกากร ในบางกรณีอาจก่อให้เกิดการหยุดผลิตส่งผลให้เกิดความหายนะในภาคส่วนยานยนต์และการบินอวกาศที่สำคัญ

“สิ่งสำคัญ คือ ต้องตระหนักถึงขอบเขตมาตรการของสหภาพยุโรปสำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าที่ขยายไปไกลถึงระดับปฐมภูมิและทุติยภูมิ รวมถึงสินค้าสำเร็จรูป สลักภัณฑ์ (สกรู น็อต) และวัสดุสิ้นเปลืองอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ยังครอบคลุมผลิตภัณฑ์ ‘ค้าปลีก’ อีกหลายชนิด เช่น เตา หม้อหุงข้าว เครื่องครัว และสุขภัณฑ์ เราแจ้งข่าวกับกลุ่มสมาชิก 200 รายของเรามาเป็นเวลามากกว่า 1 เดือนแล้ว เพื่อให้สมาชิกของเราได้จัดเตรียมหลักฐานที่จำเป็นที่จุดนำเข้าได้” 

“เป็นกรณีของการเตรียมการที่เลวร้ายที่สุด ขณะเดียวกันก็หวังว่าหน่วยงานของสหภาพยุโรปจะยอมรับว่าการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่มีความเข้มงวดจะไปทำลายความคล่องตัวของซัพพลายเชนของสหราชอาณาจักรสู่สหภาพยุโรป” Morley กล่าว

ตั้งแต่มีการแจ้งเตือนสมาชิกถึงปัญหาที่เกิดขึ้น สมาพันธ์การขึ้นรูปโลหะอังกฤษ (Confederation of British Metalforming) ก็ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Crowe บริษัทที่ปรึกษาด้านภาษี การตรวจสอบ ความเสี่ยง ระดับชาติ และทีมศุลกากรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการประเมินและซักถามถึงการแนะแนวสำหรับคำถามพบบ่อย (FAQ) ที่ออกโดยคณะกรรมาธิการยุโรป (The European Commission)

CBM ผู้สนับสนุนผู้ผลิตโลหะแผ่น เหล็กแผ่นขาว สลักภัณฑ์ การตีขึ้นรูป ปั๊มขึ้นรูปในสหราชอาณาจักร มีความกังวลว่าสมาคมและสมาชิกอุตสาหกรรมอื่น ๆ จะยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญของมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่นี้และจะนำมาซึ่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อการส่งออก

“มาตรการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อทั้งผู้นำเข้าและส่งออกของสหราชอาณาจักร เพราะสมาชิกของเราจำนวนมากนำเข้าเหล็กกล้ามาจากทั่วโลก สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อน และคำแนะนำที่ดีที่สุดของเรา คือ การวางแผนล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักของซัพพลายเชน”

บทความอ้างอิง: https://www.etmm-online.com/

บทความที่น่าสนใจ

About The Author