Volkswagen กำลังเปลี่ยนโรงงานใน Zwickau/Mosel โดยเป็นโรงงานแห่งแรกที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เป็นจำนวนมาก แล้วผู้ผลิต OEM รายอื่นที่ผลิตรุ่นที่มีเครื่องยนต์สันดาปและเครื่องยนต์ไฟฟ้าในไลน์เดียวกัน พวกเค้าใช้กลยุทธ์อะไร
![](https://www.toolmakers.co/wp-content/uploads/2022/09/0106585835.jpeg)
Volkswagen ตั้งเป้าเป็นยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับทุกคน
ในขณะที่อุตสาหกรรมรถถยนต์ในประเทศไทย ปรับตัวช้า และยังไม่ชัดเจนว่าจะไปในทิศทางใดเพื่อแข่งขันในตลาดยานยนต์ไฟฟ้า ทางฟากยุโรปค่ายรถยนต์ Volkswagen มีความพร้อมมาเป็นเวลาหลายปี โดยให้โรงงาน Zwickau/Mosel เป็นโรงงานที่ผลิตแต่เฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้ยี่ห้อต่างๆ ของบริษัท ผลิตในปริมาณมาก เพื่อเป็น ยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับทุกคน โดยบริษัทมีความมั่นใจเป็นอย่างมากกว่าจะสามารถผลิตเพื่อขายได้ในปริมาณมาก โดยผลิต 6 โมเดล ภายใต้ยี่ห้อ Volkswagen, Audi และ Seat โดยคาดหวังว่าจะผลิต 330,000 คันต่อปี
แพลตฟอร์ม MEB (ส่วน Chassis) ที่ปรับเป็นรถได้หลายรุ่น
Volkswagen ใช้แพลตฟอร์ม MEB (Modular electric drive system – “ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบมอดูล่าร์”) ซึ่งสามารถแปลงให้เป็นรถหลายรุ่น หลายขนาดได้ (ระบบ modular หมายถึง ระบบที่สามารถแยกเป็นหน่วยหรือประกอบรวมกันได้ เหมือนการต่อบล๊อก ระบบ MEB เป็นส่วน Chassis ของรถ ซึ่งใส่แบตเตอรี่ตรงพื้นด้านล่าง ในกรณีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหญ่ ระยะทางไกล สามารถเพิ่มจำนวนแบตเตอรี่ในช่องใส่แบตเตอรี่ได้ การใช้ระบบ MEB เหมือนกันในรถรุ่นต่างๆ ช่วยทำให้ Volkswagen สามารถผลิตจำนวนมาก และได้ประโยชน์จาก Economy of scale ซึ่งช่วยดึงต้นทุนให้ต่ำลง ให้ราคาเข้าถึงได้สำหรับทุกคน)
![](https://www.toolmakers.co/wp-content/uploads/2022/09/0106585831.jpeg)
![](https://www.toolmakers.co/wp-content/uploads/2022/09/0106585848.jpeg)
![](https://www.toolmakers.co/wp-content/uploads/2022/09/0106586307.jpeg)
![](https://www.toolmakers.co/wp-content/uploads/2022/09/0106585818.jpeg)
![](https://www.toolmakers.co/wp-content/uploads/2022/09/0106585821.jpeg)
![](https://www.toolmakers.co/wp-content/uploads/2022/09/0106585827.jpeg)
การแชร์สายการผลิตกับเครื่องยนต์สันดาป สำหรับรถพรีเมี่ยมที่ผลิตจำนวนไม่มาก
จากบทความข้างต้น Volkswagen ดำเนินการเต็มสูบสำหรับการผลิต mass ในตระกูล ID เพื่อผลิตจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับแบรนด์พรีเมี่ยมอย่าง Porche ที่มีจำนวนผลิตไม่สูง การผลิตโดยแชร์กันกับสายการผลิตเครื่องยนต์สันดาปภายในยังเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลกว่า อย่างไรก็ตาม Porche ก็คาดหวังให้ยอดขายมากกว่าครึ่งเป็นยานยนต์ไฟฟ้า ค่ายรถยนต์อื่นอย่าง BMW และ Daimler ยังคงใช้วิธีการผลิตแบบยืดหยุ่นเช่นกัน โดยแชร์สายการผลิตระหว่างยานยนต์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์สันดาป ใช้วิธี Line Balancing เพื่อให้สายการผลิตเดียวกันสามารถสับเปลี่ยนไปผลิตรถยนต์ในเทคโนโลยีที่ต่างกัน ในลำดับใดก็ได้ “ปัจจัยชี้ขาดสำหรับเราคือ การใช้กำลังการผลิตในโรงงานของเรา เพราะเราไม่รู้แน่ชัดว่าความต้องการสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าจะมีพัฒนาการอย่างไร” Oliver Zipse คณะกรรมการบริหารการผลิตที่ BMW Group “นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนี้เราต้องการที่จะออกแบบระบบการผลิตของเราในลักษณะที่สามารถผลิตรถยนต์ที่ ขับเคลื่อนไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ ไฮบริด และขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน ได้ในโครงสร้างเดียว ซึ่งผลคือ ความยืดหยุ่นที่สูงและหลีกเลี่ยงการลงทุนซ้ำซ้อน” โจทย์หลังจากนี้คือ ทำอย่างไร ให้สามารถผลิตรถรุ่นใดก็ได้ ในลำดับใดก็ได้ โดยที่ไม่สูญเสียประสิทธิภาพไป นี้ใช้หลักการ Balancing และเรายังใช้ AI เข้ามาช่วยอีกด้วย
- ZEISS Contura โซลูชันระดับพรีเมียมเพื่อการผลิต EV
- ซัพพลายยานยนต์ขนาดกลางเสี่ยง EV บูมมาแรงกว่าที่คิด
- รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ผลิตด้วยการพิมพ์ 3 มิติ พร้อมจำหน่ายแล้ว
การผลิตด้วย Carbon Neutrality (การปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์)
รถตระกูล ID ที่ผลิตในโรงงาน Zwickau จะ “มีความเป็นกลางในการปล่อย CO2 ทั้งห่วงโซ่อุปทานและการผลิต” โดยใช้แหล่งพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 100% ตั้งแต่ปี 2017 และใช้ block-type thermal power station (BTTP) ซึ่งเก็บพลังงานความร้อนในกระบวนการกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ อย่างไรก็ตามโรงงานยังมีการปล่อยคาร์บอนบางส่วน ซึ่งโรงงานชดเชยด้วยการทำโครงการสภาพแวดล้อมได้ผ่านมาตรฐานรับรองเพื่อให้ได้เครดิตชดเชยนำมาหักล้างการปล่อยคาร์บอนที่ยังมีอยู่โรงงานที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ยังมีการเพิ่มระบบอัตโนมัติขึ้นเกือบ 3 เท่า ทั้งยังใช้ระบบการขนส่งที่ไม่ใช้คนขับ ซึ่งช่วยเพิ่มผลิตภาพได้ถึง 20%
สำหรับส่วนของการผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งใช้พลังงานสูง ซึ่งสั่งจากประเทศโปแลนด์และฮังการี ทางโรงงานมีการวางเงื่อนไขที่เข้มงวดในการจัดหาแหล่งวัตถุดิบ และข้อกำหนดที่ต้องใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% ด้วย (แนวโน้มนี้ค่อนข้างเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับการคิดคำนวณคาร์บอนจากทั้งห่วงโซ่การผลิต สามารถชี้แจ้งที่มาที่ไปได้อย่างชัดเจน)
การฝึกอบรมพนักงาน และการสร้างทัศนคติที่ถูกต้อง
โรงงานมีการจัดฝึกอบรมความรู้ในยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้พนักงานมีความพร้อมสำหรับการผลิต อย่างไรก็ตามนอกจากความรู้ดังกล่าว ทัศนคติ และมุมมองที่พนักงานมีต่อยานยนต์ไฟฟ้าเอง ก็มีความสำคัญต่อผลงานที่จะผลิตออกมาเช่นกัน ถ้าพนักงานมีความเชื่ออย่างแท้จริงว่า ยานยนต์ไฟฟ้ามีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม มีความชื่นชอบและกระตือรือร้นในยานยนต์ไฟฟ้า การผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีย่อมตามมา เพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ในส่วนหนึ่งของการฝึกอบรม บริษัทจึงได้จัดให้พนักงานได้มี “ประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า”ด้วยตนเองอีกด้วย
Volkswagen ยังมีแผนที่จะขยายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าไปยังโรงงานภูมิภาคอื่นๆ อย่างประเทศจีน อเมริกาเหนือ โดยเป้าหมายคือ การส่งมอบการขับเคลื่อนไฟฟ้าที่มีการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ผลิตแบบ Mass ทั่วโลก เข้าถึงได้สำหรับทุกคน
การขยับในครั้งนี้ของ Volkswagen เปรียบเหมือนการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ จากเมื่อครั้งข่าวฉาวเรื่องการโกงผลทดสอบการปล่อยไอเสียที่เกิดขึ้นในปี 2015 ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งวันนี้บริษัทกลับมาอีกครั้งเพื่อเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าให้แพร่หลาย
คุณผู้อ่านสามารถรับชมคลิปวีดีโอ ประวัติความเป็นมาตั้งแต่เริ่มต้น ผ่านเหตุการณ์ข่าวฉาวในปี 2005 และทิศทางที่นำมาสู่สิ่งที่บริษัทกำลังมุ่งหน้าไปในปัจจุบันได้ในคลิปข้างล่างนี้
About The Author
You may also like
-
แนวคิดการย้ายฐานการผลิตกลับสู่ประเทศตนเองได้รับความสนใจอีกครั้งในสหราชอาณาจักร
-
ตลาดยุโรปเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตครั้งใหญ่ของพลาสติกชีวภาพ
-
ปัญหาความขัดแย้ง หวั่นกระทบนำเข้า-ส่งออกอุตสาหกรรมเหล็ก
-
จีนบุกตลาดอุตสาหกรรม ‘เครื่องมือตัด’ ทั้งส่งออกและผลิตใช้เอง
-
Arburg เปิดตัว Allrounder 470 H ทางเลือกประหยัดพลังงานและลดการปล่อยคาร์บอน